ข่าว

ดีเอสไอค้นห้องแรมโบ้อีสานเจอกระสุนปืนอื้อ

ดีเอสไอค้นห้องแรมโบ้อีสานเจอกระสุนปืนอื้อ

01 พ.ค. 2553

ดีเอสไอบุกค้นบ้านผู้ต้องหา-ผู้ต้องสงสัยพันคดียิงอาร์พีจีใส่วัดพระแก้ว พร้อมบุกอพาร์ตเมนต์ "แรมโบ้อีสาน" แกนนำเสื้อแดงเจอกระสุนปืน พร้อมข้อมูลอาวุธปืนทาโว่ ขณะที่อธิบดีดีเอสไอยันมือยิงอาร์พีจีรับสารภาพเป้าหมายคือวัดพระแก้ว ระบุคำสารภาพสอดรับกับแนวทางสืบสวน

ยังคงเดินหน้าหาตัวการผู้กระทำความผิดในคดีคนร้ายก่อเหตุยิงจรวดอาร์พีจีและเอ็ม 79 ในสถานที่ต่างๆ ล่าสุดแม้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิงจรวดอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม ในแนวทางสอบสวนปรากฏว่า ผู้ต้องรับสารภาพว่าตั้งใจจะยิงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) แต่เนื่องจากยิงพลาดจึงไปตกที่กระทรวงกลาโหม นอกจากนี้กลุ่มผู้ต้องหายังซัดทอดไปถึงกลุ่มผู้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เชิญตัว พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สภ.เมืองพัทยา สามีของแกนนำเสื้อแดงพัทยา นายภาสกร ศิริรักษ์ อายุ 50 ปี และนายวายุภักษ์ โนรี อายุ 48 ปี มาสอบปากคำเพิ่มเติม  

บุกบ้าน"พ.ต.ท."สงสัยจ้างยิงอาร์พีจี

 ล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 พฤษภาคม นายประวิช ชัยบัวแดง เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ  พร้อมด้วย พ.ต.อ.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผกก.สภ.เมืองพัทยา นำกำลังตำรวจ รวม 20 นาย นำหมายค้นบุกเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 80/60 หมู่บ้านแปซิฟิค พัทยาเหนือ หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี บ้านพักของ พ.ต.ท.ศุภชัย หนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อายุ 43 ปี ตำรวจนอกราชการ หนึ่งในผู้ต้องหาคดียิงอาร์พีจีใส่วัดพระแก้วแต่พลาดเป้าไปตกในกระทรวงกลาโหม ให้การซัดทอดว่ามีส่วนรู้เห็น โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านปูน 2 ชั้น หน้าบ้านชื่อติดว่า "บ้านตำนานคนอีสาน" เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบเพียงนางทองปอน ภูดวงจิต อายุ 62 ปี ญาติของ พ.ต.ท.ศุภชัย อยู่ในบ้านกับหลานสาวอีก 2 คน เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจค้นอยู่ 30 นาที สามารถตรวจยึดเอกสารจำนวนหนึ่งไว้ แต่ไม่เป็นการเปิดเผย

 นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักของ ส.ต.ต.บัณฑิต และนายศุภณัฐ หุลเวช หรือโก้ (ผู้จัดหารถยนต์) ตลอดจนบ้านพักของผู้เกี่ยวข้องทั้ง นายภาสกร หรือสมนึก ศิริรักษ์ และนายวายุภักษ์ โนรี ทั้งหมดเป็นกลุ่มผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยในคดียิงอาร์พีจีทั้งสิ้น 

 นางทองปอนกล่าวว่า เป็นเพียงคนดูแลบ้านของ พ.ต.ท.ศุภชัยเท่านั้น ส่วนนางจุรีพร สินธุไพร ภรรยาของ พ.ต.ท.ศุภชัย ซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดงพัทยา ไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวแต่อย่างใด
 
ต้นสังกัดรอคำสั่งภาค 2 เชือด

 พ.ต.อ.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผกก.สภ.เมืองพัทยา ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ กล่าวว่า เบื้องต้น สภ.เมืองพัทยาได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมา 1 ชุด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ขณะนี้กำลังรอคำสั่งจากตำรวจภูธรภาค 2 ว่าจะสั่งการให้ดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ศุภชัย

 ทั้งนี้ ช่วงที่ พ.ต.ท.ศุภชัยปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ สภ.พัทยาเมือง ทำหน้าที่พนักงานสอบสวนตามกำหนดการปฏิบัติงานที่จัดเวรไว้ และไม่ทราบว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้หรือไม่

ค้นห้องแรมโบ้อีสานเจอกระสุน

 ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมหมายค้นและหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 206 ชั้น 2 เฟิร์สท์ อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 1284 ซอยลาดพร้าว 71 (ซ.ย่อยสังคมสงเคราะห์ 10) ถนนลาดพร้าว แขวงและเขตลาดพร้าว เพื่อติดตามจับกุมนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน หนึ่งในแกนนำ นปช. หลังสืบทราบว่าพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งนี้

 จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ไม่พบนายสุภรณ์แต่อย่างใด จากการตรวจสอบภายในห้องพักเจ้าหน้าที่พบลูกกระสุนปืนขนาด 9 มม. แบบเจาะเกราะ 13 นัด แบบธรรมดา 16 นัด กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 9 นัด แผ่นป้ายทะเบียนป้ายแดง เลขทะเบียน ธ 8287 กรุงเทพมหานคร 2 แผ่น เลขทะเบียน ก 9511 กรุงเทพมหานคร 2 แผ่น สำเนาเอกสารโครงการจัดการและอำนาจหน้าที่ของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) 1 ชุด เอกสารที่พิมพ์จากอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธปืนทาโว่ ซิมการ์ด 1 อัน ฮาร์ดดิสก์แบบพกพา 1 เครื่อง

ยึดเอกสารเขียนด้วยลายมือ

 นอกจากนี้ยังตรวจยึดเอกสารที่เขียนด้วยลายมือเป็นชื่อและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งเสื้อผ้าของนายสุภรณ์ ภาพถ่ายนายสุภรณ์ ภาพถ่ายบุคคลอื่นๆ แผ่นซีดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม รวมทั้งยาไวอากร้า 1 กล่องด้วย ในการตรวจค้นนั้น ดีเอสไอได้ประสานกับเจ้าของสถานที่เพื่อขอตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดภายในอาคาร เพื่อดูความเคลื่อนไหวของนายสุภรณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย

 พ.ต.อ.ณรัชต์ เปิดเผยว่า การตรวจค้นเพื่อต้องการจับกุมนายสุภรณ์ แต่ไม่พบตัว อย่างไรก็ตาม จากการตรวจค้นภายในห้องพักพบสิ่งของผิดกฎหมายหลายรายการ เช่น เครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง กระเดื่องนิรภัย และสลักนิรภัย ทั้งหมดผ่านการใช้งานแล้ว จำนวน 3 ชิ้น นอกจากนี้ยังมีเอกสารเกี่ยวข้องกับการชุมนุม รวมทั้งภายภ่ายซึ่งมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กับบุคคลต่างๆ จึงยึดมาตรวจสอบทั้งหมด

อธิบดีดีเอสไอแจงค้นบ้านผู้ต้องหา

 เกี่ยวกับการตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยในคดีดังกล่าว วันเดียวกันนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักของผู้ต้องหา และผู้ต้องสงสัยในคดีอาร์พีจียิงใส่กระทรวงกลาโหมว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าสามารถเก็บเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาได้ อาทิ ซิมการ์ดโทรศัพท์และโทรศัพท์มือถือ ขณะที่การค้นที่พักของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ได้รับรายงานว่าพบทั้งส่วนประกอบวัตถุระเบิด กระเดื่องและกระสุนปืนหลากชนิด

 เมื่อถามถึงการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องกับคดียิงอาร์พีจี 3 คน นายธาริตกล่าวว่า มีทั้งส่วนที่ให้การรับและปฏิเสธ เช่น เมื่อถามถึงความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้

ยันมือยิงสารภาพยิงวัดพระแก้ว

 ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาว่า ส.ต.ต.บัณฑิตสารภาพว่ายิงจรวดอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหมไม่ใช่วัดพระแก้ว ตามที่ดีเอสไอและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงข่าวนั้น นายธาริตกล่าวว่า ส่วนตัวขอยืนยันว่า ผู้ต้องหาให้การสารภาพถึงเป้าหมายก่อเหตุที่แท้จริงคือวัดพระแก้ว โดยคำรับสารภาพและแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดำเนินการไปก่อนหน้านี้มีความสอดคล้องกัน โดยส่วนหนึ่งผู้ต้องหารับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน อย่างไรก็ตาม ระหว่างการให้ปากคำ ส.ต.ต.บัณฑิตไม่ได้แสดงอาการเคร่งเครียดต่องานที่ได้รับมาปฏิบัติ แม้เป้าหมายจะเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยให้ความเคารพนับถือ

เร่งสอบการ์ดนปช.คดียิงพล.อ.ร่มเกล้า

 นอกจากนี้นายธาริตยังกล่าวถึงความคืบหน้าในคดี จ.ส.ต.ปริญญา มณีโคตม์ สังกัด สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาคดีมีอาวุธปืนสงครามและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองและจำหน่าย เจ้าของกระสุนเอ็ม 79 จำนวน 62 ลูก ที่เจ้าหน้าที่ยึดได้ใกล้จุดปะทะระหว่างทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ดอนเมือง เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ผู้ต้องหายังคงปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆ ตลอดจนความเกี่ยวข้องกับกลุ่ม นปช. หรือคนเสื้อแดง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อในคำให้การของผู้ต้องหาว่า เป็นเพียงนักค้าอาวุธที่กำลังจะนำอาวุธไปขายต่อในราคาที่ถูกมาก 

 ส่วนการสอบปากคำนายชยุต ใหลเจริญ การ์ด นปช. ผู้ต้องหาที่มีกระแสข่าวว่าอาจเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิง พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (รอง เสธ.พล.ร.2) เสียชีวิตนั้น นายธาริตกล่าวว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าวมีความสำคัญมาก แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดคำให้การว่าผู้ต้องหาให้การในส่วนใดไปแล้วบ้าง ยืนยันว่าจะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายกับผู้ต้องหาที่ทยอยจับกุมตัวได้แน่นอน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวกับบุคคลใดเป็นรายแรก

 พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการตรวจค้นบ้านพักผู้เกี่ยวข้องกับคดียิงจรวดอาร์พีจีทั้ง 5 คนว่า ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อเสนอรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เบื้องต้นหลักฐานที่เก็บได้มีทั้งเอกสารซื้อขายรถยนต์ ที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่าผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องเข้าไปมีส่วนกับธุรกิจรับจำนำรถ ตลอดจนพบเอกสารที่พัวพันถึงรถคันที่ใช้ก่อเหตุ นอกจากนี้ยังพบซิมการ์ดโทรศัพท์เก่า โทรศัพท์มือถือ และเอกสารบัญชีที่ต้องนำไปวิเคราะห์ขยายผลถึงความเกี่ยวข้องในคดีอีกจำนวนหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตาม จากการตรวจค้นไม่พบอาวุธร้ายแรงใดๆ ซุกซ่อนในบ้านพัก

ฝากขังมือยิงอาร์พีจีถล่มกลาโหม

 วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ควบคุมตัว ส.ต.ต.บัณฑิต และนายศุภณัฐ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันก่อเหตุยิงจรวดอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม ไปยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-12 พฤษภาคมนี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องรอสอบปากคำพยานอีก 36 ปาก อีกทั้งต้องรอผลการตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ของกลาง รวมทั้งผลตรวจลายนิ้วมือของผู้ต้องหา โดยในท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัวด้วย เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและอาจเข้าไปร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ และอาจไปก่อเหตุร้ายอย่างอื่น

  ทั้งนี้ ตามคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 เวลาประมาณ 22.30 น. มีคนร้าย 2 คน ใช้รถกระบะติดแผ่นป้ายทะเบียน ตศ 9818 กรุงเทพมหานคร เป็นพาหนะขับเข้าไปจอดภายในซอยแพร่งภูธร แล้วใช้เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 2 ยิงจรวดอาร์พีจี 2 ออกจากกลางซอยดังกล่าว โดยมีเป้าหมายคือกระทรวงกลาโหม แต่จรวดที่ยิงพลาดเป้าไปถูกสายไฟและสายโทรศัพท์ที่โยงระหว่างเสาไฟฟ้าปากซอยดังกล่าว เป็นเหตุให้จรวดระเบิดก่อนถึงเป้าหมาย หลังเกิดเหตุคนร้ายขับรถหลบหนีไป แต่เนื่องจากรถคันที่เป็นพาหนะได้รับความเสียหายจากเปลวไฟความร้อนและแรงดันจากแรงสะท้อนถอยหลังจากการยิงจรวด เป็นเหตุให้คนร้ายไม่กล้าขับออกถนนใหญ่ เพราะเกรงว่าจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดี จึงนำรถยนต์ไปจอดไว้ในซอยข้างโรงแรมสิริมิตร เพื่อหลบหนี

ศาลให้ฝากขัง 2 ผู้ต้องหายิงถล่ม

 ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจพบรถคันดังกล่าวพร้อมเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 2 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนเอ็ม 3 เอ 1 ขนาด.45 จำนวน 1 กระบอก พร้อมแม็กกาซีนบรรจุลูกกระสุนปืน 1 ซอง มีกระสุนบรรจุ 20 นัด ลูกปืนขนาด.45  จำนวน 28 นัด ระเบิดเอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก เสื้อผ้า ขวดน้ำและสิ่งของส่วนตัวภายในรถยนต์คันดังกล่าวอีกหลายรายการ จึงยึดไว้เป็นของกลางประกอบคดี จากการสอบสวนยังพบอีกว่า ป้ายทะเบียนรถคันดังกล่าวถูกทำปลอมขึ้นมาเพื่อใช้ในการอำพราง ซึ่งหมายเลขป้ายทะเบียนที่แท้จริงคือ บว 8802 สงขลา

 ต่อมาเจ้าหน้าที่นำภาพถ่ายตามสำเนาทะเบียนราษฎรของผู้ต้องสงสัยจำนวน 15 ราย มาให้พยานที่เห็นเหตุการณ์ 3 รายชี้ ระบุว่า ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ร่วมก่อเหตุ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบลายนิ้วมือแฝงของผู้ต้องหาที่ 1 บริเวณรอบรถยนต์ จึงยื่นคำร้องขอหมายจับผู้ต้องหาที่ 1 ต่อศาลอาญา ที่ 649/2553 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2553 ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของรถกระบะคันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ประกอบกับผู้ต้องหาที่ 2 ไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก เชื่อว่ามีส่วนร่วมรู้เห็น จึงได้ขออนุญาตศาลอาญาออกหมายจับที่ 819/2553 ลงวันที่ 30 เมษายน 2553 เช่นกัน ภายหลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา โดยผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เกี่ยวกับคดีดังกล่าวเมื่อศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ราชทัณฑ์ส่งมือปืนเข้าแดนแรก

  นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการควบคุมตัว ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม และนายศุภณัฐ หุลเวช ผู้ต้องหาคดียิงจรวดอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า เรือนจำจะให้การดูแลตามระเบียบเรือนจำ หลังส่งตัวเข้าแดนแรกรับแล้ว จะขังคู่คดีแยกกัน เบื้องต้นจะแนะนำให้ผู้ต้องขังรู้ถึงวิธีปฏิบัติทั่วไปในเรือนจำ มีการตรวจร่างกายและทำประวัติ โดยไม่ได้มีการสั่งการให้ดูแลเป็นพิเศษ ในส่วนของมาตรการรักษาความปลอดภัยจะปรับใช้ตามสถานการณ์และความเหมาะสม ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

 อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งระหว่างผู้ต้องขังในเรือนจำ เนื่องจากผู้ต้องขังในเรือนจำไม่มีการแบ่งแยก เพราะเกือบทั้งหมดเป็นผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาคดี ส่วนใหญ่จึงคิดแต่การต่อสู้คดีของตัวเองเท่านั้น

"สุภรณ์" เดือดอัดรัฐยัดข้อกล่าวหา

 ขณะที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีถูกค้นสถานที่พักและพบชิ้นส่วนระเบิดเป็นจำนวนมากว่า ขอยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ว่า ในห้องไม่มีอาวุธสงคราม หรือหนังสือล้มเจ้าตามที่เป็นข่าว สถานที่พักซึ่งเป็นคอนโดนั้นเป็นห้องที่เช่ามาเพียงแค่ 1 เดือน สำหรับใช้เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ยังไม่เคยนอนแม้แต่คืนเดียว อย่างไรก็ตาม ได้ให้แม่บ้านไปทำความสะอาดบ้าง

 นายสุภรณ์กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เชื่อว่าเป็นแผนของรัฐบาลในการคุกคามแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อให้มวลชนอยู่ในสภาพหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าร่วมชุมนุม โดยรัฐบาลมียุทธวิธี 4 ขั้น คือ 1.ตั้งด่านเพื่อสกัดคนเข้าร่วมชุมนุม 2.นำกองกำลังมากดดันโดยที่ยังไม่มีการสลาย 3.มีการประชาสัมพันธ์ด้วยวิธีทางจิตวิทยา อาทิ ระบุว่ามีระเบิดตามสถานที่ต่างๆ 4.พยายามตรวจค้นจับกุมไล่ล่าแกนนำ โดยการล่อออกไปในสถานที่ต่างๆ เพื่อรวบตัว

 “ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถืออาวุธสงคราม ไม่มีอาวุธ เชื่อว่าเป็นการยัดเยียดข้อกล่าวหาให้ผม ถามว่าการไปตรวจค้นนั้นใช้สิทธิ์อะไรเข้าไปตรวจค้น เพราะคอนโดนี้ก็มีเจ้าของ ผมจะดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนใครที่ยัดเยียดข้อหาให้นั้นถือเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ก็ขอให้รับกรรมนั้นกลับไป” นายสุภรณ์ กล่าว

"ตู่" บอกดีเอสไอมั่วผลยิงกลาโหม

 นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวง โตจิราการ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำกลุ่ม นปช.ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายจตุพรตั้งข้อสังเกตกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ควบคุม พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ น้องเขยของนายนิสิต สินธุไพร แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เบื้องต้นทราบว่าการจับกุม พ.ต.ท.ศุภชัย เจ้าหน้าที่ไม่ได้ขออนุมัติหมายจับและแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด นี้ในส่วนของ ส.ต.ต.บัณฑิต ก็เป็นเพื่อนเรียนชั้นประถมและมาขับรถให้ภรรยาของ พ.ต.ท.ศุภชัยแค่บางครั้งเท่านั้น หากจะเหมารวม และตั้งข้อกล่าวหาเช่นนี้ก็ต้องจับกุม พล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส อดีตรอง ผบ.ตร.ด้วย เนื่องจาก ส.ต.ต.บัณฑิตเคยขับรถให้เช่นกัน

 "ขอตั้งคำถามไปยังนายธาริตว่า มีความรู้เรื่องการใช้อาวุธหรือไม่ เพราะการที่ออกมาแถลงว่า ส.ต.ต.บัณฑิต เป็นผู้ใช้อาวุธสงครามอาร์พีจี โดยมีเป้าประสงค์ที่จะต้องการยิงเข้าไปในวัดพระแก้วนั้น ตามหลักความเป็นจริงอาวุธสงครามอาร์พีจีเป็นอาวุธที่ต้องใช้วิธีการยิงแบบประทับบ่าวิถีตรง หากใช้อาวุธดังกล่าวยิงจากบริเวณย่านแพร่งภูธร วิถีก็น่าจะอยู่กระทรวงกลาโหมมากกว่า" นายจตุพรกล่าว