ข่าว

จำคุก"เต๋า-สมชาย"15วันคดีทำร้าย"โกตา"

จำคุก"เต๋า-สมชาย"15วันคดีทำร้าย"โกตา"

23 เม.ย. 2553

ศาลพิพากษาจำคุก "เต๋า-สมชาย" 15 วัน คดีทำร้านร่างกาย "โกตา" แต่การจำคุกระยะสั้นไม่เป็นผลดีแก่จำเลยจึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน

(23เม.ย.) เวลา 09.00 น. นายสมชาย หรือเต๋า เข็มกลัด ดารานักร้องชื่อดัง พร้อมนายณัฐพล พุทธรอด ทนายส่วนตัว ได้เดินทางมาที่ศาลแขวงลำปาง เพื่อมาฟังคำพิพากษาตัดสินคดีของผู้พิพากษา ซึ่งนายสมชาย หรือเต๋า มีใบหน้าที่ไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใส หลังเดินทางถึง นายสมชาย หรือเต๋า พร้อมทนายความ ได้ขึ้นไปในศาลแขวงทันที

 ก่อนจะติดต่อกับเจ้าหน้าที่ศาลเพื่อแลกบัตรประจำตัว แล้วเดินขึ้นไปที่ห้องพิจารณาคดีบัลลังค์ที่ 2 ชั้น 2 เพื่อรอ การพิจารณาคดี โดยนายยคเณศ ล้วนประพันธ์ ผู้พิพากษา จะออกนั่งบัลลังค์ เพื่อพิจารณาตัดสินในคดี ที่เต๋า สมชาย ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายวีระชาติ เด่นศิริกุล หรือโกตา อายุ 57 ปี เจ้าของร้านขายของชำภายในเขตเทศบาลนครลำปาง เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา เหตุขึ้นที่ร้านขายบะหมี่เกี้ยว ต.หัวเวียง อ.เมือง เขตเทศบาลนครลำปาง

 ขณะเดียวกัน เวลาประมาณ 09.00 น.นายวีระชาติ หรือโกตา ได้เดินทางมาที่ศาลแขวงเช่นกัน พร้อมกับเพื่อนสนิท แต่มีใบหน้าที่ยิ้มแย่มแจ่มใส่ ซึ่งโกตา ได้กล่าวก่อนที่จะขึ้นไปบนห้องพิจารณาคดีว่า ตนเฝ้ารอวันตัดสินคดีมาโดยตลอด รวมแล้วกว่า 1 ปี 4 เดือน ถึงแม้ เต๋า สมชาย จะให้การปฏิเสธและสู้คดีมาโดยตลอด แต่ตนเชื่อว่าจากพยาน และหลักฐานที่มีอยู่ จะชี้ให้เห็นว่า เต๋า สมชาย ก่อเหตุทำร้ายร่างกายตนจริง ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดกัน และตนยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ที่จะให้ความเป็นธรรมกับตน ซึ่งเป็นผู้เสียหาย

 สำหรับการพิจารณาคดี ขณะนี้ทางผู้พิพากษาผู้ออกนั่งบัลลังค์พิจารณาคดี กำลังอ่านสำนวนส่งฟ้องของโจทก์ โดยพนักงานอัยการศาลแขวงลำปาง จากนั้นจะอ่านคำตัดสินในคดีดังกล่าว ซึ่งเป็นคดีดำเลขที่ 02989/52 และการพิจารณาคดีตัดสินในครั้งนี้ ทางศาลแขวงลำปาง ไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงสื่อมวลชนเข้าไปในห้องพิจารณาคดี

 รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลพิเคราะห์แล้ว เชื่อได้ว่า จำเลย ได้ใช้กำลังทำร้ายผู้เสียหายจริง แต่บาดแผลดังกล่าว ไม่ถึงเป็นเหตุให้ก่อเกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391  แต่เมื่อข้อเท็จจริวงปรากฎว่า จำเลยกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นครั้งที่ 3 จึงให้จำคุก 15 วัน โดยไม่ต้องรอการลงโทษ แต่การจำคุกระยะสั้น ไม่เป็นผลดีแก่จำเลย จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 23  และไม่อาจนำโทษในคดีก่อนที่รอการลงโทษไว้มาบวกกับโทษคดีนี้ได้ ให้ยกคำขอในคดีนี้