
ครกหินบ้านงิ้ว มรดกแห่งภูมิปัญญาที่ควรอนุรักษ์
ว่ากันว่า จะมีสินค้าโอท็อปสักกี่ชิ้น ที่คิด ประดิษฐ์ และใช้สอย โดยคนพื้นถิ่น และมีการสืบทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่นมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งปัจจุบันยังคงดำรงอยู่และจะยังคงอยู่ต่อไปในอนาคตอันมิอาจประมาณกาลได้ "ครกหินบ้านงิ้ว" เป็นหนึ่งในภูมิปัญญานั้น ที่ปัจจุบั
นายสงัด กิ่งแก้ว อดีตกำนันนักพัฒนาของตำบลบ้านสาง อ.เมือง จ.พะเยา กล่าวว่า ครกหินบ้านงิ้ว ไม่ใช่เกิดขึ้นแบบฉาบฉวย ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว หากแต่เกิดขึ้นเป็นร้อยๆ ปี จากภูมิปัญญาและมันสมองอันชาญฉลาดของตระกูล “สมเครือ”
เริ่มจาก สล่า (เป็นภาษาเหนือหมายถึง ช่าง) จ๋อย สมเครือ, สล่าโป สมเครือ จากนั้นจึงแตกหน่อออกไปอีกมาก จนถึงพ่อของ "สงัด" คือ "พ่อพุธ กิ่งแก้ว" ซึ่งมีสงัดเป็นผู้สืบทอด แม้ว่าสล่าแต่ละคนจะมาจากต่างสกุลกัน แต่ถ้านับจริงๆ ทุกคนเป็นญาติกันหมด ฝีมือ ลวดลาย ความสวยงาม ความคงทนของครก ไม่ได้ต่างกัน
สงัด เล่าว่า ตั้งแต่ลืมตาและจำความได้ก็เห็นพ่อและคนในครอบครัวทำครกมาตลอด เพียงแต่รุ่นแรกๆ เป็นงานที่ทำด้วยมือทั้งหมด รูปแบบก็มีแบบถ้วยรางวัลที่มีหูจับ แบบไม่มีหูจับ งานไม่ละเอียดเงางาม ความคงทนน้อย เนื่องจากทำมาจากหินทราย ซึ่งได้มาจากห้วยแม่ตุ่นและห้วยแม่แฮ้ ซึ่งอยู่ห่างหมู่บ้านออกไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร พอเวลานานเข้าหินทรายก็เริ่มขาดแคลนและหมดไป
ประกอบกับหินทรายมีความคงทนน้อย จึงเปลี่ยนเป็นหินอัคนีและหินแกรนิตซึ่งมีอยู่อย่างมากมายในเขต ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา ซึ่งแข็งกว่าและสามารถปัดให้เงางามได้ จึงเข้าสู่ยุค ”ครกหินใหม่” ซึ่งมีการลงลวดลาย ปัดเงา รูปทรงก็ยังคงรักษาต้นแบบครกของสล่าจ๋อยไว้ ยกเว้นบางกรณีถ้าตลาดต้องการอย่างไรก็ทำให้ได้ตามนั้น
"ความสามารถในการผลิตครก เฉลี่ยครกตั้งแต่ขนาดเล็กคือขนาด 5 นิ้ว และใหญ่สุด 9 นิ้ว อยู่ที่วันละประมาณ 40 ลูก ราคาอยู่ในช่วง 150-300 บาท ซึ่งในแต่ละวันครกที่ผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยจะมีพ่อค้ามารับถึงบ้าน และจะมีออเดอร์เข้ามาเป็นรายวัน"
ที่สำคัญพ่อพุธสอนเสมอว่า งานทำครกเป็นงานหนักและอันตราย ต้องมีเครื่องป้องกันเช่นหน้ากากกันฝุ่น เครื่องป้องกันหู แว่นตากันสะเก็ดหิน ไว้ให้คนงาน ให้รักคนงานเหมือนญาติ เหมือนพี่ เหมือนน้อง แล้วกิจการจะรุ่งเรือง ชื่อเสียงของครกหินบ้านงิ้วก็จะขจรขจายไปทั่วประเทศ
สงัด กล่าวว่า จดจำคำสอนของพ่อไว้เสมอ เรื่องการถ่ายทอดการทำครก ว่าไม่ใช่เรื่องธุรกิจอย่างเดียว แต่คือรากเหง้าวัฒนธรรมของคนบ้านงิ้ว จงทำครกด้วยจิตวิญญาณแล้วจะได้งานที่ดีมีคุณภาพ จึงพยายามพัฒนารูปแบบ ความสวยงามให้แก่ครก มีการอบรมสัมมนาที่ไหนก็ไปหมด จนสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมมอบเครื่องหมายรับรอง มผช.11/2546 และในปีเดียวกันได้รับรางวัลโอท็อป ระดับ 4 ดาว ปี 2547 ได้รับรางวัลโอท็อประดับ 5 ดาว
"ต่อมามีเหตุการณ์บางอย่าง ซึ่งผมไม่อยากเอ่ยถึงทำให้ผมถูกลดดาวเหลือเป็นโอท็อประดับ 3 ดาวเหมือนเดิม แต่ผมยังยืนยันที่จะรักษาคุณภาพ ฝีมือการผลิต และจะยังคงรักษาภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษของบ้านงิ้วได้สร้างไว้ให้ดำรงอยู่อวดสายตาของคนไทยทั้งประเทศต่อไป แม้จะไม่มีดาวดวงใดๆ เหลือให้ครกของผม“ อดีตกำนันนักพัฒนา กล่าว
"นพพร ทาทาน"