
ชาวปัตตานีใส่เสื้อหลากสีเตือนสังคมสมานฉันท์
ชาวปัตตานีจัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ เน้นใส่เสื้อหลากสี เน้นวัฒนธรรม วิถีชีวิต สร้างความเข้าใจระหว่างประชาชนกับรัฐ เตือนสังคมสมานฉันท์ แม่ทัพภาคที่ 2 ลั่นจะทำทุกทางเพื่อรักษาความสงบ ส่งกำลังเข้าหาแกนนำเสื้อแดง-แกนนำชุมชนชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการ
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 19 เมษายน 2553 ที่โรงเรียนบ้านกลาพอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี สถานศึกษาตาดีกา จำนวน 11 โรง ใน อ.สายบุรี ได้ร่วมกันจัดโครงก่ารกิจกรรมตาดีกาสัมพันธ์ โดยเน้นให้เด็กๆและเยาวชน จัดขบวนพาเหรด ที่เน้นเสื้อผ้าหลากสี และรูปแบบกิจกรรมให้เป็นวิถีชีวิต วัฒนธรรมของไทยมุสลิม เพื่อให้เด็กเยาวชนได้แสดงถึงความรักความสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจกันทำงานกิจกรรมร่วมกัน ขณะเดียวกัน เพื่อให้รัฐโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่มาดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ ตลอดจนศาสนิกอื่น ได้เข้าใจในวิถีชีวิต ศาสนา วัฒนธรรมของภูมิภาคนี้ เพื่อไม้ให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงาน เพื่อให้ภูมิภาคเกิดความสงบสุข นำพาซึ่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และไม่ให้เกิดความแตกแยกซึ่งกันและกัน
จากนั้นมีการจัดแข่งขันฟุตบอลเชื่อมความสัมพันธ์ ระหว่าง เจ้าหน้าที่รัฐ กับประชาชน โดยสวมเสื้อเหลือ เสื้อแดง เพื่อเป็นการสื่อให้คนกรุงเทพได้รู้ว่า คนภูมิภาคนี้ ต้องการความรัก ความเข้าใจ แตกต่างแต่ไม่แตกแยก ต้องการความสมานฉันท์ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข โดยใช้กิจกรรมเป็นสื่อ โดยก่อนเล่นฟุตบอล มีการจับมือ และกอดกัน พร้อมทั้งประกาศเชิญชวน ให้ประชาชน เด็กและเยาวชน ดูเป็นตัวอย่างในการรักกัน อย่าแตกแยก ให้มีความสมานฉันท์ เป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างค่านิยมที่ดีให้กับเยาวชนชายแดนใต้
มทภ.2ลั่นทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความสงบ
เมื่อเวลา 15.50 น.ที่ห้องร่วมเริงไชย ชั้น 2 สโมสรร่วมเริงไชย กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง นครราชสีมา พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ก่อนที่จะเป็นประธานแถลงข่าวจัดงานวิสาขบูชา พุทธบารมี ประจำปี 2553 ถึงมาตรการรักษาความมั่นคง และความสงบในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่นัดดีเดย์ชุมนุมใหญ่ในวันที่ 20 เม.ย. นี้ ว่าสำหรับภาคอีสาน ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งชุดกำลังพลไปประจำตามชุมชน ในทุกพื้นที่ 19 จังหวัด โดยปฏิบัติหน้าที่ในการชี้แจง จับเข่าพูดคุยทำความเข้าใจกับกลุ่มแกนนำชุมชน และบรรดาแกนนำเครือข่ายกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่องถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนโปรดเห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศชาติ อย่าได้สร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ ควรจะหันหน้าเข้าหากัน ใช้การเจรจาโดยสันติวิธีเป็นหลักมากกว่าที่จะใช้ความรุนแรง เพื่อให้บางกลุ่มที่ยังไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ให้ถูกชักจูงไปในทางที่ผิด หรือไม่ตรงกับอุดมการณ์ที่แท้จริงในการเข้าร่วมชุมนุม
ขณะนี้ในพื้นที่รับผิดชอบจังหวัดที่น่าเป็นห่วง และได้ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดคือ จ.ขอนแก่น และ จ.ชัยภูมิ สำหรับการเคลื่อนไหว ก็ยังมีในบางพื้นที่ แต่ไม่น่าจะรุนแรงนัก คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะที่จะสังเกตท่าทีความเคลื่อนไหวว่าจะเป็นไปในทิศทางใด สำหรับกระแสข่าวที่จะมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองกับเสื้อแดงในเมื่อเหตุการณ์ยังไม่เกิดก็ไม่น่าเป็นห่วงนัก จากการประเมินสถานการณ์ที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่าจะมีการสร้างสถานการณ์ก่อความรุนแรงในพื้นที่ 19 จังหวัดอีสานนั้น รวมทั้งทหารก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดง
" ที่ผ่านมาจากการรับรายงานจากผู้ปฏิบัติงาน ก็ยังอยู่ในสภาวะปกติ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การชุมนุมที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก ที่ยังคงเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสาร หรือเป็นการปลุกระดมไปสู่จังหวัดต่างๆ ทั่วพื้นที่ อย่างไรก็ตาม กองทัพภาคที่ 2 ได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยต่อไป"
เครือข่ายประชาชนจว.ภูเก็ตชุมนุมให้กำลังใจนายกฯ
เมื่อเวลา 15.30 น.ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลาง จ.ภูเก็ต เครือข่ายประชาชน คนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จังหวัดภูเก็ต จำนวนประมาณ 1,000 คน นำโดยนายมนู เขียวคราม และนายมงคล รัตนะ พร้อมด้วยพระบรมสาธิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติติ์ พระบรมราชินีนาถ ธงชาติไทย ธงตราสัญลักษณ์ และแผ่นป้ายผ้าข้อความต่างๆ เช่น ชาวภูเก็ตจะร่วมปกป้องชาติ สถาบัน เราคนไทยสีเดียวกัน, เชื่อมั่นประเทศไทย เชื่อมั่นอภิสิทธิ์, หยุดการเนรคุณแผ่นดินเกิด หยุดล้างสมองผู้ชุมนุมที่บริสุทธิ์ หยุดเอาผู้ชุมนุมเป็นโล่ห์มนุษย์, ชาวภูเก็ตไม่ต้องการยุบสภา, หยุดทำร้าย ทำลายบ้านเมือง, ชาวภูเก็ตจะร่วมปกป้องชาติ สถาบัน เราคนไทยสีเดียวกัน เป็นต้น ได้อ่านแถลงการณ์และยื่นแถลงการณ์ให้กำลังใจและสนับสนุนนายกรัฐมนตรีไม่ให้ยุบสภาฯ และไม่ให้ลาออก ผ่านทางนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้นายมนู เขียวคราม แกนนำอ่านแถลงการณ์ ความว่า เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่ากลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งได้รวมตัวเรียกร้องกดดันให้นายกรัฐมนตรียุบสภาหรือลาออกจากการบริหารประเทศ โดยได้ยกเหตุผลในการเรียกร้อง ว่า เป็นรัฐบาลที่มาจากเผด็จการทหาร ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตามวิถีทางประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีก็มีคู่แข่งตามครรลองประชาธิปไตยในสภาผู้แทนราษฎร และผ่านการลงคะแนนเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจนได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลุ่มคนเสื้อแดง โดยการนำของสามเกลอภายใต้การบงการของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ได้พยายามใส่ร้ายป้ายสี ขัดขวางการบริหารประเทศของนายกฯ และรัฐบาลมาโดยตลอด ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จจนทำให้ประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าใจผิดเกลียดชัง มุ่งทำร้ายและทำลายตลอดเวลา
นอกจากนี้ในการชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงกว่าหนึ่งเดือนได้ข่มขู่ คุกคาม มาดร้าย ต่อตัวนายกฯ และพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ จนกลายเป็นกลุ่มอันธพาลครองเมือง สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นอย่างมาก ประชาชนชาวไทยและชาวจังหวัดภูเก็ตที่ได้ติดตามข่าวจากสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ สรุปได้ว่าการชุมนุมเรียกร้องกดดันให้ นายกฯ ยุบสภาทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ได้ใช้มาตรการต่างๆ ไม่สอดคล้องกับกฎหมายที่ให้สิทธิกับประชาชนในการเรียกร้องหรือตรวจสอบการบริหารประเทศของรัฐบาล อีกทั้งข้อเรียกร้องไม่ได้ทำเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ทำเพื่อ นช.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียวเท่านั้นและได้จาบจ้วงสถาบันสูงสุดของประเทศอย่างไม่ยำเกรงกฎหมายของบ้านเมืองแต่ประการใด
“ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรงนี้ เราขอให้กำลังใจ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้บริหารประเทศต่อไป อย่าได้ยุบสภาหรือลาออกโดยเด็ดขาด เรามีความเชื่อว่าประชาชนชาวไทยทั้งประเทศมีความเข้าใจเห็นใจนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะท่านได้ทำหน้าที่ นายกฯ ของประชาชนคนไทยทั้งประเทศอย่างแท้จริง เราพร้อมจะยืนเคียงข้างท่านและพร้อมจะสนับสนุนท่านในการแก้ไขปัญหาวิกฤตชาติให้ผ่านพ้นให้ได้ เราเชื่อใจ มั่นใจ ในตัวท่าน นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ”