
อีสานทะลักบขส.โคราชกลับกรุงหลังฉลองสงกรานต์
ชาวอีสานทะลัก บขส.โคราช แห่กลับกรุงเทพฯในวันหยุดวันสุดท้าย หลังฉลองสงกรานต์ที่บ้านเกิด ขณะที่การจราจรบนถนนมิตรภาพมุ่งหน้าเข้า กทม.ยังเคลื่อนตัวได้ดี 6 วันฉลองสงกรานต์ตาย 306 รายบาดเจ็บ 3502 คน โคราชแชมป์นำลิ่ว 18 ศพ
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา รายงานบรรยากาศการเดินทางกลับไปทำงานยังกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ต้องใช้เส้นทางเดินทางผ่านจังหวัดนครราชสีมาเพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆ ในเช้าวันนี้ ( 18 เม.ย.2553 ) ซึ่งเป็นวันหยุดวันสุดท้ายของช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2553 พบว่าบรรยากาศถนนทุกสายที่ออกจากจากหวัดนครราชสีมา ปริมาณรถยนต์ที่จะเดินทางกลับไปทำงานค่อนข้างหนาแน่น โดยเฉพาะถนนมิตรภาพ ขาออกจากตัวเมืองนครราชสีมา มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ ปริมาณรถหนาแน่นแต่มีปัญหาการจราจรติดขัดเป็นบางช่วง โดยเฉพาะบริเวณ 4 แยกบ้านโพธิ์ ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ทางขึ้นเขาริมเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว ต.กลางดง อ.ปากช่อง และต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี แต่ภาพรวมยังคงสามารถเคลื่อนตัวได้ดี และยังมีจำเป็นต้องมีการเปิดใช้ช่องการจราจรพิเศษแต่อย่างใด
ขณะที่บรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมา ทั้ง 2 แห่ง ยังคงมีประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงเดินทางเข้ามาใช้บริการรถโดยสารเพื่อเดินทางต่อไปยังกรุงเทพฯและจังหวัดต่างเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งทางสำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ได้เพิ่มเที่ยวรถเสริมเฉพาะเที่ยววิ่งเข้ากรุงเทพฯ จากเดิมวันละ 200 เที่ยว เป็น 500 เที่ยวทุกวัน ทำให้สามารถระบายผู้โดยสารได้ในทุกช่วงเวลา โดยหากผู้โดยสารขึ้นรถเต็มก็จะปล่อยให้รถออกโดยทันที นอกจากนี้ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ยังได้เตรียมรถปรับอากาศชั้น 1 สำรองไว้ให้บริการผู้โดยสารอีกจำนวนถึง 150 คัน ส่งผลให้การระบายผู้โดยสารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และไม่มีปัญหาเรื่องของผู้โดยสารตกค้างแต่อย่างใด
6วันฉลองสงกรานต์ตาย306ราย
เมื่อเวลา 11.00 น. นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 17 เม.ย. 53 เป็นวันที่หกของการรณรงค์ “ สงกรานต์นี้ ขับขี่ปลอดภัย คนไทยรักกัน” เพื่อลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2553 ปรากฏว่า ได้เกิดอุบัติเหตุ 355 ครั้ง ลดลงจากปี 2552 (528 ครั้ง) 173 ครั้ง ร้อยละ 32.77 ผู้เสียชีวิต 49 คน เท่ากับปี 2552 ผู้บาดเจ็บ 398 คน ลดลงจากปี 2552 (586 คน) 188 คน ร้อยละ 32.08
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 25.92ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 20.00 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 74.93 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 60.56 บนทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 36.34 ถนน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 36.06 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 30.14
ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ใน กลุ่มวัยแรงงานร้อยละ 53.02 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 20 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สระบุรี 8 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ 21 คน ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2 , 566 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 68 , 122 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 606 , 222 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 75 , 462 ราย คิดเป็นร้อยละ 12.45 ของการเรียกตรวจ โดยมีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัยมากที่สุด 22 , 384 ราย รองลงมา ไม่มีใบขับขี่ 21 , 995 ราย
นายอนุชา กล่าวต่อว่า สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 – 17 เม.ย. 53 ได้เกิดอุบัติเหตุรวม 3 , 218 ครั้ง ลดลงจากปี 2552 (3 , 634 ครั้ง) 416 ครั้ง ร้อยละ 11.45 ผู้เสียชีวิตรวม 306 คน ลดลงจากปี 2552 (321 คน) 15 คน ร้อยละ 4.67 ผู้บาดเจ็บรวม 3 , 502 คน ลดลงจากปี 2552 (3 , 961 คน) 459 คน ร้อยละ 11.59
อย่างไรก็ตามจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสูด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 128 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 18 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 143 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในช่วง 6 วัน มี 9 จังหวัด ได้แก่ ตราด นครศรีธรรมราช พังงา แม่ฮ่องสอน ระนอง ลำพูน สมุทรสงคราม สุโขทัย และยะลา
“วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์สร้างความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ยังอยู่ในช่วงเดินทางกลับของประชาชน จึงขอเน้นย้ำให้จังหวัดและกองบัญชาการตำรวจนครบาลกำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานประจำจุดตรวจ จุดสกัดต่างๆ อำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยในการเดินทางให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน โดยมุ่งเน้นการตรวจจับผู้กระทำผิดกฎหมายจราจร และมาตรการ 3 ม. 2ข. 1 ร. อย่างเข้มงวด และเน้นหนักการตรวจสอบ รถโดยสารสาธารณะระยะไกล ซึ่งผู้ขับขี่อาจมีอาการอ่อนล้าและเกิดการหลับในได้ รวมถึงเรียกตรวจรถกระบะบรรทุกผู้โดยสารตอนท้ายที่ไม่มีหลังคา และการบรรทุกผู้โดยสารในรถกระบะที่มีวัสดุซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ” เลขาฯศปถ. กล่าว
นายอนุชา กล่าวว่า นอกจากนี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงกวดขันรถที่ใช้ความเร็วเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณที่มีการจำหน่ายสินค้าและของฝากริมข้างทาง โดยให้ตั้งกรวยชะลอความเร็วบริเวณจุดเสี่ยงหรือกำหนดมาตรการอื่นที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนนจากการหยุดหรือจอดรถริมข้างทาง และที่สำคัญ ขอให้จังหวัดนำสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นในพื้นที่มาวิเคราะห์และประมวลหาสาเหตุ เพื่อนำมาวางแผนป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ต่อไป