ข่าว

"คนยิงอยู่บนพานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย"

"คนยิงอยู่บนพานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย"

15 เม.ย. 2553

เริ่มมีความชัดเจนจนเป็นที่ยอมรับตรงกันทุกฝ่ายแล้วว่า คนที่ยิงเข้าใส่ทหาร และผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงจนตายไปถึง 23 ศพ และบาดเจ็บอีกเกือบ 1 พันคน เป็นชายชุดดำที่แฝงตัวเข้ามาอยู่แนวหลังผู้ชุมนุม และบางส่วนก็ซุ่มอยู่บนตึกสูงแล้วระดมยิงทั้งปืน และระเบิดลงมา

 ส่วนประเด็นที่ว่าชายชุดดำดังกล่าวเป็นฝ่ายไหนระหว่างกองกำลังของคนเสื้อแดง หรือกำลังทหารนอกแถวของกองทัพ ยังเป็นคำถามที่ต้องค้นหาพยานหลักฐานอีกมากเพื่อนำมาสู่คำตอบที่เป็นที่ยอมรับด้วยกันทุกฝ่าย

 ทางกองทัพได้มีการตั้งคณะกรรมการแกะรอย "ล็อกเป้า" ถล่มเอ็ม 79 และยิงอาก้า ใส่ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (รอง เสธ.พล.ร.2 รอ.)

 ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 10 เมษายน ซึ่งผู้ที่บาดเจ็บส่วนใหญ่ล้วนปฏิบัติหน้าที่ตรงจุดที่มีการปะทะรุนแรง 2 จุด คือ แยกคอกวัว ใกล้ถนนข้าวสาร และถนนดินสอ ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

 น่าสนใจว่า ทหารที่บาดเจ็บส่วนใหญ่ล้วนมีแผลจากการถูกสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 เจาะเข้าตามส่วนต่างๆ ของร่างกายแทบทั้งสิ้น ส่วนจุดที่ทหารเชื่อว่า มีการยิงเอ็ม 79 ลงมาน่าจะไม่ใช่บนหลังอาคารโรงเรียนสตรีวิทยาอย่างที่เป็นข่าว

 แต่กำลังพลส่วนหนึ่งเชื่อว่า วิถีของกระสุนเอ็ม 79 ที่ตกลงมายังแนวหน้าของทหารที่ตั้งโล่อยู่พอดีน่าจะเล็งมาจากบน "พาน" ของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

 ทหารรายหนึ่ง (ขอสงวนนาม) สังกัดศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เล่าว่า วันที่เกิดเหตุราว 3-4 ทุ่ม เขาตั้งแถวอยู่ในแถวที่ 2 โดยมีเพื่อนกั้นอยู่แถวหน้าอีก 1 แถว โดยก่อนเกิดเหตุได้ตั้งแถวเพื่อรอคำสั่งให้ผลักดันจากผู้บังคับบัญชา

 แต่จู่ๆ ก็มีกระสุนแก๊สน้ำตาถูกขว้างมาตกตรงหน้าทำให้ควันฟุ้งกระจายไปทั่ว โดยลมได้พัดย้อนเข้าหาทหาร ทำให้แถวของทหารต้องถอยร่นออกไป เนื่องจากไม่ได้สวมหน้ากากกันแก๊สพิษ

 "จังหวะที่พวกผมถอย ระเบิดก็มาลงตรงหน้าแถวทหารพอดี ผมโชคดีที่มีแถวเพื่อนกั้นอีกแถวเลยไม่เป็นอะไรมาก ตอนนั้นจึงได้แต่ช่วยกันลากเพื่อนที่บาดเจ็บออกมา แต่จากนั้นไม่นานระเบิดลูกที่ 2 ที่ 3 ก็ลงมาตรงจุดเดิมอีก"

 พลทหารคนเดิม เล่าว่า ตอนแรกยังไม่รู้ตัวว่า ถูกสะเก็ดระเบิด พอสักพักก็รู้สึกชาที่ขา พอก้มลงมองก็เห็นเลือดไหลเต็มขา จึงค่อยๆ เดินกะเผลกมาที่รถทหาร แต่ก็ต้องรออยู่เป็นชั่วโมงกว่าจะถึงโรงพยาบาล เพราะคนเสื้อแดงล้อมไม่ให้ผ่าน ต้องแอบนั่งรถดับเพลิงออกมา

 เขายังเล่าว่า ก่อนที่จะโดนระเบิดก็เห็นชายชุดดำถือปืนยาว 3-4 คน ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในแนวผู้ชุมนุมตลอด จึงเชื่อว่าน่าจะโดนยิงแน่ แต่เมื่อผู้บังคับบัญสั่งให้อยู่ในที่ตั้งก็ต้องอยู่ ไม่สามารถยิงต่อสู้ได้ แม้จะมีปืน เพราะผู้บังคับบัญชาสั่ง และถึงยังไงก็เป็นคนไทยเหมือนกัน

 ส่วนจุดที่คนร้ายเล็งยิงออกมา เขาเชื่อว่า น่าจะเป็นบนพานของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพราะเห็นคนขึ้นไปยืนอยู่บนนั้น และกระสุนก็ถูกยิงมาจากทิศทางนั้นด้วย ทั้งยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นแถวของทหารได้ชัดเจนที่สุด

 ขณะที่ผู้บังคับบัญชาที่บาดเจ็บ และเสียชีวิตเขาก็คิดไม่ต่างกัน คือ เป็นการ "ชี้เป้า" ให้ยิง เพราะถ้าไม่มีคนชี้เป้าจะยิงเจาะจงได้ยาก

 ด้าน ส.อ.รัตนะ ช้างศรี สังกัดศูนย์การทหารราบ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ จุดที่ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล.2รอ. อธิบายสภาพของจุดที่เกิดการสูญเสียทหารมากที่สุด คือ บริเวณข้างโรงเรียนสตรีวิทยา ใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

 เขาบรรยายว่า วันนั้นเขาอยู่แนวหน้า โดยแถวแรกมีทหารถือโล่ยืนอยู่หน้ารถหุ้มเกราะ 2 คัน และรถเครื่องขยายเสียงอีก 1 คัน ส่วนอีกแถวห่างไปประมาณเกือบ 10 เมตรมีทหารตั้งแถวอยู่อีกแถว โดยมีรถหุ้มเกราะอีกคันอยู่ด้านหลัง และมีผู้บังคับบัญชายืนกันอยู่ที่หลังรถ

 เหตุการณ์ความสูญเสียเกิดขึ้นประมาณ 3-4 ทุ่ม เมื่อมีแก๊สน้ำตา พร้อมทั้งระเบิดขวด และสิ่งของต่างๆ ถูกปาเข้ามา ก่อนที่จะมีเกิดระเบิดตูมขึ้นตรงจุดใกล้ๆ ที่เขายืนอยู่

 ส่วน พ.อ.ร่มเกล้า ที่ยืนพ้นรถเกราะออกมานิดเดียวก็ถูกระเบิดอัดเข้าใส่เต็มๆ จนร่างกระเด็นล้มลงทันที ซึ่งเขาเชื่อว่า เป็นการล็อกเป้า-ชี้จุดแน่นอน เพราะจุดที่ระเบิดลงมีรถเกราะเป็นแนวกั้นถึง 2 แถว แต่คนร้ายก็เลือกจุดยิงได้อย่างแม่นยำ

 ส.อ.รัตนะ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลากร่างเพื่อนออกมาจากจุดที่ระเบิดลง ก่อนที่จะรู้สึกขัดๆ ชาๆ ที่ขา และรู้ว่าตัวเองถูกยิง แต่การเดินทางไปโรงพยาบาลก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะถูกกลุ่มผู้ชุมนุมล้อม ต้องอาศัยรถเก๋งส่วนตัวของทหารที่ติดฟิล์มทึบแอบขับออกมา

 ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับทหารที่ได้รับบาดเจ็บล้วนบอกตรงกันว่า เห็นชายชุดดำอยู่ในแถวของผู้ชุมนุม โดยมีการเคลื่อนกำลังออกมาจากวัดราชนัดดา พร้อมสะพายอาวุธปืนยาวทั้งอาก้า และเอ็ม 16 มาด้วย แต่ไม่แน่ใจว่ามีเครื่องยิงเอ็ม 79 มาด้วยหรือไม่

 ส่วนประเด็นที่ว่า มีคนซุ่มอยู่บนตึกนั้น ส่วนใหญ่ไม่แน่ใจ เนื่องจากช่วงเกิดเหตุชุลมุนมาก และมีแก๊สน้ำตา และระเบิดขวดระดมขว้างมายังแถวทหารตลอดเวลา แต่ก็เชื่อว่า ไม่น่าจะใช่อาคาร ร.ร.สตรีวิทยา ซึ่งไม่น่าจะเล็งจุดยิงได้ชัดเจน เพราะมีกำแพง และต้นไม้บัง

 จุดยิงเอ็ม 79 จึงน่าจะมาจากหลังแถวผู้ชุมนุมจุดใดจุดหนึ่ง อาจเป็นอาคารสูงตรงหลังแนวผุ้ชุมนุม อาจเป็นภายในวัดฝั่งตรงข้าม หรืออาจเป็นในกลุ่มผู้ชุมนุม หรือกระทั่งบนพานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก็มีความเป็นไปได้มาก เพราะเป็นจุดสูงข่ม มองเห็นแถวทหารได้ชัดเจน

 

ทีมข่าวความมั่นคง