23 พ.ค. 2566 ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนวันแรกคือวันที่ 22 พ.ค. 2566 ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักลมพัดแรงในหลายจังหวัด โดยเมื่อวานนี้ที่ จ.อุทัยธานี เกิดลมแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ ต.หนองยายดา อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี มีพายุฝนลมแรงพัดกระหน่ำนานกว่าครึ่งชั่วโมง บริเวณอาคารโดม สถานที่ประดิษฐาน หลวงพ่อเคลือบวาจาสิทธิ์ วัดหนองกระดี่เก่า ต.หนองยายดา อ.ทัพทัน ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดสร้าง
โดยรูปหล่อที่หล่อเสร็จแล้วเป็นช่วงลำตัวและเศียรของ หลวงพ่อเคลือบ องค์ใหญ่ สูง 7 เมตร แต่ถ้าสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วจะมีความสูง 15 เมตร หน้าตักกว้าง 12 เมตร ส่วนอาคารโดมดังกล่าวมีความสูง 16 เมตร กว้าง 15 เมตร ยาว 20 เมตร ซึ่งหลังพายุสงบลง พระสงฆ์ พระลูกวัด ที่อยู่ใกล้เคียงได้เข้าสำรวจความเสียหายอย่างเร่งด่วน
แต่ปรากฎว่าเสาทั้ง 6 ต้น ที่สร้างด้วยความแน่นหนาของอาคารโดม ถูกพายุกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเสาทั้งหมดโค่นแบบถอนรากถอนโคน พังเสียหายทั้งหมด ขณะที่รูปหล่อหลวงพ่อเคลือบวาจาสิทธิ์ ผู้ถูกขนานนามว่าเป็นเทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง ไม่มีความเสียหายแม้แต่น้อย
โดยทั้งพระลูกวัดที่เป็นผู้ดูแลสถานที่ รวมทั้งกรรมการวัดและชาวบ้าน ที่เดินทางมาดูความเสียหาย ถึงกับแปลกใจกับเหตุการณ์ทีเกิดขึ้น เพราะไม่น่าเชื่อว่าอาคารโดมพังเสียหาย แต่หลวงพ่อเคลือบไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ทั้งที่แนวของเสาที่โค่นล้ม น่าจะทับส่วนเศียรและลำตัวด้วย ชาวบ้านจึงเชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์ ด้วยบารมีและความศักดิ์สิทธิ์ปัดเป่าให้พ้นภัยไปทางอื่น ทั้งนี้หากโค่นล้มถูกเศียรและลำตัว ความเสียหายจะมีมูลค่ากว่า 20 ล้าน บาท
ส่วนของความเสียหายของอาคาร เมื่อตอนจัดสร้างใช้เงินกว่า 1,500,000 บาท ระหว่างนี้อยู่ระหว่างการปรึกษาหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เนื่องจากต้องใช้เงินจ้างช่างทั้งรื้อและก่อสร้างใหม่ คาดว่าจะต้องใช้เงินประมาณ 2 ล้าน ซึ่งทางวัดยังขาดปัจจัย เนื่องจากเงินทั้งหมดของวัดที่มีประชาชน สาธุชน ญาติโยม ร่วมบริจาค เพื่อจัดสร้างหลวงพ่อเคลือบองค์ใหญ่ที่ต้องใช้เงินหลายสิบล้านบาท ยังไม่เพียงพอ แต่ต้องใช้เงินในการซ่อมแซมอาคารโดมหลังนี้ก่อน ทางเจ้าอาวาสและกรรมการวัดจึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธา และผู้ที่เลื่อมใสต่อองค์หลวงพ่อเคลือบ สามารถร่วมบริจาคเงินซ่อมแซมตามกำลังศรัทธา
สามสอ จันทรังษ์ จังหวัดอุทัยธานี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง