'ผู้ว่าฯ กทม.' ย้ำไม่เกี่ยวข้อง รับสินบน 3.2 ล้าน พร้อมให้ตรวจสอบตามกฎหมาย

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.ถูกสงสัยเรื่องคดีบุกจับหัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเวที เรียกรับสินบน 

 

'ผู้ว่าฯ กทม.' และคณะที่ปรึกษาผู้ว่ากทม. ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหัวหน้าฝ่ายรายได้เขตราชเทวีที่เรียกรับผลประโยชน์ คาดว่าน่าจะเป็นที่ปรึกษาของตัวผู้ต้องหา หากพบใครทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด พร้อมยินดีให้ตรวจสอบความโปร่งใสของตนและคณะ

 

 

จากเหตุการณ์ที่ตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปป.) ได้จับกุม นายประมวล แสงแก้วสี อายุ 57 ปี หัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี 

 

ในความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับสินบน หรือประโยชน์โดยมิชอบเพื่อกระทําการมิชอบด้วยหน้าที่ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังนำกำลังจับกุมตัวได้บริเวณลานจอดรถ โรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ

 

 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ  ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายประมวล ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี แต่กลับใช้อํานาจในตําแหน่งหน้าที่ในทางไม่เหมาะสม เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

 

โดยเริ่มจากการแจ้งเตือนไปยังบริษัทฯของผู้เสียหายรายหนึ่ง ให้เข้ามาชำระภาษีโรงเรือน และที่ดิน ประมาณ 40 กว่าล้านบาท แต่หากยอมจ่ายเงินให้ตนเองจํานวน 3 ล้านบาท ก็จะเก็บเรื่องดังกล่าวไว้ 

 

 

 

 

ทําให้ บริษัทฯ ไม่ต้องชําระเงินภาษีจํานวน 40 ล้าน บ. ก่อนที่ต่อมาจะมีการเพิ่มจำนวนเงินค่าดำเนินการเป็น 3.5 ล้าน บ. อ้างว่าต้องเอาไปแบ่งกรรมการคนอื่นอีกหลายท่าน จนมีการต่อรองราคาลดลงเหลือ 3.2 ล้าน บ.

 

ซึ่งผู้เสียหายมองว่า พฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และ ตัวของผู้เสียหายเอง ก็พร้อมที่จะจ่ายภาษีถูกต้องตามกฎหมาย จึงตัดสินใจนำเรื่องเข้าร้องขอให้มีการตรวจสอบ และจับกุมนายประมวล ผลได้ในที่สุด

 

 

 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ 'ผู้ว่าฯ กทม.' กล่าวว่า ความคืบหน้ากรณีตำรวจ ปปป. บุกจับหัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเวที  เรียกรับสินบน 3.2 ล้าน ว่า ตำรวจได้เรียก ข้าราชการสำนักงานเขตราชเทวี รวมถึง ผอ.เขตราชเทวี รวม 12คน ไปสอบปากคำในฐานะพยานแล้ว

 

ซึ่ง กทม.ให้ความร่วมมือทุกอย่าง และสิ่งที่เกิดขึ้นกทม.ก็จะนำไปขยายผล เพราะเราไม่ยินยอมต่อเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น หากไปถึงใครก็จะน้องดำเนินการอย่างเข้มข้น

 

ส่วนกรณีที่พบรายชื่อในสมุดจดบันทึกของ ผู้ต้องหา มีการระบุว่าถึง ที่ปรึกษาด้วยนั้น นายชัชชาติ บอกว่า ไม่รู้ว่าเป็นที่ปรึกษาของตัวผู้ต้องหาเองหรือไม่ แต่ยืนยันได้ว่า ไม่ใช่คณะที่ปรึกษาผู้ว่ากทม.แน่นอน

 

เพราะเท่าที่ทราบ ไม่มีใครเกี่ยวข้องและที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.ทุกคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกๆและกังวลว่าอาจจะถูกมองว่าเกี่ยวข้อง จึงสั่งให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ และตนเองมั่นใจว่าไม่เกี่ยวข้องแน่นอน ทั้งนี้มองว่าเป็นข้อดีด้วยที่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องเหล่านี้ เพื่อจะได้ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

นายชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติม หากสืบพบว่าคณะที่ปรึกษาของตนนั้นกระทำผิดจริง ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายไม่มีละเว้นว่าเป็นคนของ 'ผู้ว่าฯ กทม.' แต่ขณะนี้ก็ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวข้องเลย

 

คาดว่าจะเป็นที่ปรึกษาของตัวผู้ต้องหาเองมากกว่า และยืนยันว่า กทม.พร้อมทุกอย่างที่จะให้ดำเนินการตรวจสอบความโปร่งใส

 

ถ้าตรวจสอบคนอื่นได้ตัวเองก็ต้องให้ตรวจสอบได้เหมือนกัน และไม่ว่าจะเกี่ยวข้องหรือเป็นใครก็ตาม ก็จะต้องดำเนินการอย่างเข้มข้นตามกฎหมาย