ข่าว

ตั้งรางวัลนำจับ 5 หมื่น 'ดาบตำรวจปืนโหด' ชี้บุคคลอันตราย เลี่ยงเผชิญหน้า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตั้งเงินรางวัลนำจับ 5 หมื่นบาท ล่า 'ดาบตำรวจปืนโหด' ฆ่ายกครัว 6 ศพ พร้อมย้ำเตือนประชาชนเลี่ยงการเผชิญหน้า เนื่องจากคนร้ายเป็นบุคคลอันตราย มีอาวุธปืนติดตัวตลอดเวลา

พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ผบก.จ.สุราษฎร์ธานี) เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามจับกุม ด.ต.อรรถพร วิเชียร คนร้ายก่อเหตุยิง 6 ศพ ในพื้นที่ อ.คีรีรัฐนิคม ว่าได้แจ้งเตือนให้ประชาชนให้เฝ้าระวังความปลอดภัย กรณีที่เจอเหตุการณ์เฉพาะหน้าเนื่องจาก ด.ต.อรรถพร เป็นบุคคลอันตราย เนื่องจากมีอาวุธปืนยาว และปืนสั้น พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา ขณะหลบหนี

 

ทั้งนี้ หากประชาชนรายใดพบเบาะแส จนไปสู่การจับกุมตัวได้ ก็สามารถแจ้งตำรวจได้ในทุกพื้นที่ โดยจะมีรางวัลให้ เป็นเงิน จำนวน 50,000 บาท
 

 

 

 

ตร.ตั้งรางวัลนำจับ 5 หมื่นบาท และเตือนเลี่ยงการเผชิญหน้าเนื่องจากเป็นบุคคลอันตราย

 

 

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ซึ่งลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของคดี ระบุว่าในการส่วนของติดตามจับกุม ด.ต.อรรถพร ซึ่งมีข้อมูลว่าเจ้าตัวน่าจะยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ และพอทราบจุดในการหลบหนีแล้ว ทั้งนี้ยังไม่มีการติดต่อของเข้ามอบตัว หรือมีผู้ให้ความช่วยเหลือในการหลบหนีแต่อย่างใด  

 

นอกจากนี้ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังในการปฎิบัติการเนื่องจาก ด.ต.อรรถพร มีอาวุธปืนอยู่กับตัว 3 กระบอก เป็นอาวุธปืนสงคราม 1 กระบอก และปืนธรรมดา 2 กระบอก ซึ่งหากมีการขัดขืนต่อสู้ ให้ปฎิบัติหน้าที่ตามกระบวนการของกฎหมาย

 

 

บิ๊กโจ๊ก สั่งเร่งล่า ดาบตำรวจปืนโหด หลังมีการตั้งรางวัลนำจับ 5  หมื่นบาท

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเปิดเผยอีกว่า จุดเริ่มต้นของปัญหาจนนำมาสู่การสังหารโหดเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งขณะนั้นเกิดเหตุใช้อาวุธสงครามยิงผู้ใหญ่บ้าน แต่ไม่มีการรับทำคดี และยังปล่อยให้มีเหตุบานปลายมาจนกระทั่ง ล่าสุดเสียชีวิตถึง  6 ศพ ซึ่งถ้าหากมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาคู่ขัดแย้งก่อนหน้านี้ ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญขึ้น โดยเรื่องนี้ถือเป็นความบกพร่องของ พ.ต.อ.เกรียงไกร เกตุแก้ว ผกก.สภ.คีรีรัฐนิคม จึงได้นำเรียนถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและให้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้พิจารณาทัณฑ์ สั่งย้ายไปช่วยราชการที่ศปก.ภ.8 และตั้งคณะกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งแรก

 

 

 

บิ๊กโจ๊ก สอบปากคำผู้ต้องหาร่วมดาบตำรวจปืนโหดบุกยิงถล่มบ้านอดีตผู้ใหญ่บ้าน

 

 

โดยเหตุสังหาร 6 ศพ ครั้งนี้ เริ่มจาก ด.ต.อรรถพร ยิงภรรยาของตัวเองเสียชีวิตที่รีสอร์ตก่อน จะบุกไปที่บ้านของพ่อตา หรือ นายธรรมรงค์ นิลนิยม หรือ “ผู้ใหญ่รงค์” อายุ 60 ปี จากนั้นได้เข้าไปในบ้าน โดยตัวนายธรรมรัตน์ วิเชียร อายุ 48 ปี พี่ชายของ ด.ต.อรรถพร ได้เข้าไปในบ้าน ก่อนถูกนายธรรมรงค์ ยิงใส่เสียชีวิตคาบ้าน

 

หลังจากนั้นนายมานพ ว่างงาน อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของ ด.ต.อรรถพร และเคยติดคุกมา 14 ปี ซึ่งถูก ชักชวนกันมาก่อเหตุ โดยทั้งคู่เป็นคนยิงถล่มทั้งบ้าน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตที่บ้าน 3 ศพ รวมนายธรรมรัตน์จะเป็น 4 ศพ

 

 

ภรรยา ด.ต.อรรถพร ที่ถูกยิงตายก่อนยกพวกไปยิงถล่มบ้านพ่อตา

 

 

จากการสืบสวนต่อมาในที่เกิดเหตุจะพบว่ามีบุคคลคนหนึ่งไม่ยอมลงรถ ต่อมาทราบว่าคือ นายอรรถพล วิเชียร อายุ 25 ปี เป็นลูกชายของ ด.ต.อรรถพร ซึ่งหลังจากก่อเหตุเสร็จแล้ว ตัวของ ด.ต.อรรถพร ขับรถไปส่งนายมานพที่บ้าน จากนั้นได้ขับรถต่อไปกับลูกชาย  ก่อนจะลงมือยิงลูกชายในระยะเผาขน  

 

แต่เนื่องจากภายในรถไม่มีกล้องวงจรปิด ตำรวจจึงสันนิษฐานว่า ด.ต.อรรถพร น่าจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งแล้ว จึงก่อเหตุยิงลูกชายตัวเอง หลังจากก่อเหตุเสร็จแล้ว ได้โทรศัพท์ไปหาพี่ชายที่บวชเป็นพระ พร้อมบอกให้พี่ชายช่วยมาจัดการงานศพของลูกชายให้ด้วย โดยได้นำศพของลูกชายตัวเองไปไว้ที่วัด ซึ่งเป็นวัดที่จัดงานศพของนายธรรมรัตน์ พี่ชายของตัวเอง

 

 

ด.ต.อรรถพร ยิงลูกชายตัวเองตายในรถที่ขับหนีมาหลังยิงถล่มบ้านพ่อตา

 

 

ส่วนสาเหตุในครั้งนี้ มาจากปัญหาครอบครัว และมีความใจร้อน ตั้งใจจะมาฆ่า รวมถึงเรื่องสำคัญของการดูถูกเหยียดหยามมายาวนาน เนื่องจากพ่อตาไม่อยากให้ลูกสาวมาแต่งงานกับ ด.ต.อรรถพร จึงเกิดการไม่ยอมรับกัน จนนำมาสู่เหตุบานปลาย

 

 

บิ๊กโจ๊ก กำัชับเร่งล่าตัว ด.ต.อรรถพร ชี้เป็นบุคคลอันตราย

 

 

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอีกว่า ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ลอบยิงนายธรรมรงค์ ในเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งตัวนายธรรมรงค์ ไม่ได้มีศัตรูหรือขัดแย้งกับใคร นอกจาก ด.ต.อรรถพร จึงได้ระวังตัวเองมาโดยตลอด และติดกล้องวงจรปิดที่บ้าน แต่ด้วยความที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทำการสืบสวนสอบสวนและทำคดีต่อตั้งแต่แรก ทำให้ไม่มีข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุในครั้งแรกเป็นชุดเดียวกับที่ก่อเหตุในครั้งนี้หรือไม่ ประกอบกับช่วงนั้นเมื่อไม่มีการรับทำคดี จึงไม่มีคดีให้ได้ตรวจสอบ
 

 

สุพิชฌาย์  รัตนะ   ศูนย์ใต้ จ.สุราษฎร์ธานี

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ