ข่าว

นักการเมืองศิษย์สวนกุหลาบฯ สะท้อนการเมือง ก่อน-หลัง เลือกตั้ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เลือกตั้ง 66 'หมอมิ้ง' มองยังลดอำนาจประชาชนอยู่ 'จุรินทร์' เชื่อเข้าสู่ระบบรัฐสภามากขึ้น ขณะที่'สมชัย' มองสส.เขต ทุ่มเงินเปลี่ยนเป็นบัญชีรายชื่อมากขึ้น เตือนเพื่อไทยแลนด์สไลด์เสี่ยงเป็นเผด็จการ ด้าน 'วีระกร' หวั่น 'บิ๊กตู่' กลับมา เผยอยากจับขั้วใหม่แล้ว

เมื่อวันที่ 30 มี.ค. สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบฯ จัดเสวนาการเมืองไทย หลังเลือกตั้ง โดยเชิญนักการเมืองจากหลายพรรคที่เป็นศิษย์เก่าขึ้นเวที เริ่มต้นด้วยประเด็น 

 

การเมืองก่อนการเลือกตั้ง

นายวีระกร คำประกอบ จากพรรคภูมิใจไทย มองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ป้ายหาเสียงเยอะที่สุด แต่ละพรรคสู้ด้วยนโยบาย 
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช จากพรรคเพื่อไทย มองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้กำลังสู้กับอำนาจที่ประชาชนถูกยึดอย่างสันติวิธี แต่การกาบัตรยังลดอำนาจประชาชนอยู่ เพราะไม่มีการระบุชื่อหรือพรรค มีแต่ตัวเลขเพียงอย่างเดียว และยืนยันเพื่อไทยไม่มีเอาทักษิณกลับบ้าน เป็นความคิดส่วนตัว แต่เพื่อไทย ไม่หนุนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นั่งนายกรัฐมนตรี

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ มองว่า การเมืองครั้งนี้ต่างกับคราวที่แล้ว ที่แข่งกัน 2 ขั้วอย่างรุนแรงมาก คือ ฝั่งเอาตู่กับไม่เอาตู่ และฝั่งเอาทักษิณกับไม่เอาทักษิณ แต่เที่ยวนี้เริ่มเปลี่ยนไปเปลี่ยนจากการเดิม กลับมาสู่ระบบรัฐสภามากขึ้น เป็นการแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองด้วยกัน ตัวบุคคลหรือนโยบายใครดีกว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ตนคิดว่าการเมืองเราพัฒนาขึ้นไปสู่ระบบประชาธิปไตยรัฐสภามากขึ้น แต่ใช่ว่ามาเต็ม 100% เพราะเท่าที่สังเกต เริ่มมีความปลุกผีแต่ละฝ่ายแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่มีจุดแข็งว่า พรรคการเมืองของคนทุกรุ่น ไม่ใช่รุ่นใดรุ่นใดรุ่นหนึ่ง มีทั้งหางเสือ คนรุ่นกลาง คนรุ่นใหม่ ที่เดินเข้ามาเพื่อเป็นอนาคตต่อยอดต่อไป จึงเรียกว่าเป็นสถาบันทางการเมือง

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร จากพรรคเสรีรวมไทย มองว่า การย้ายพรรคเกิดขึ้นมากเป็นประวัติศาสตร์ บางคนย้ายไปมาเพียงชั่วข้ามคืน 
สส.บัญชีรายชื่อ หากเราจำได้ว่า เป็นหน้าตาของพรรคที่พร้อมจะทำหน้าที่ทางการเมืองแต่ไม่ถนัดที่จะไปเดินลงสนามไหว้ใครต่อใคร แต่วันนี้ไม่ใช่ แต่วันนี้เป็นที่อยู่ของคนที่จะเอาเงินมาให้ ใครให้มากกว่าคนนั้นจะอยู่สส.บัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ หากใครอยู่ลำดับที่ไม่น่าพอใจ ก็จะลาออกและไปหาพรรรคใหม่ พร้อมทุ่มเงินเพื่อให้ตัวเองได้ลำดับที่ดีกว่า แทนที่จะเป็นสส.บัญชีรายชื่อที่มีคุณภาพ สมศักดิ์ศรี กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ รวมถึงอีก สส.บางคนหนีจากเขตลง มาลงบัญชีรายชื่อ เพื่อไม่ให้เอาเงินไปซื้อเสียง แต่เอาเงินก้อนมาให้บัญชีรายชื่อดีกว่า นอกจากนี้มองว่าการแบ่งเขตการเลือกตั้งใหม่ กกต.ทำถูกแล้ว นักการเมืองหลายคนเกิดความปั่นป่วน ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ซึ่งก็เป็นโอกาสของนักการเมืองหน้าใหม่  

นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี จากพรรคก้าวไกล มองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนเปิดใจรับฟังมากขึ้น เข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้น และไม่เกิดความขัดแย้งรุนแรง  

เสวนา การเมืองไทย หลังเลือกตั้ง

ส่วนการเมืองหลังเลือกตั้ง
นายวีระกร มองว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ หากพล.อ.ประยุทธ์ ดันทุรังเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ จะรุนแรงมากทั้งในสภาและนอกสภา และเชื่อว่าสภาจะอยู่ไม่เกิน 1 ปี ไม่ยุบสภา ก็ถูกยึด สุดท้ายต้องอยู่ด้วยความลำบาก ต้องพึ่งพรรคใหญ่อย่างพรรคภูมิใจไทย 
แต่ส่วนตัวอยากเห็น การจับขั้วใหม่ คือ พรรคเพื่อไทยอันดับ 1 จับมือกับ พรรคภูมิใจไทยอันดับ 2 หรือ จับกับพรรคก้าวไกล ได้เกิน 375 เสียง ก็ยิ่งดี เพราะอยากเห็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงและสร้างความมั่นคง 

นายจุรินทร์ กล่าวว่า การเมืองเที่ยวหน้าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ระบบนี้อยู่ที่การรวมเสียง เลือกตั้งครั้งที่แล้วไม่ได้แปลว่า พรรคอันดับ 1 จะได้เป็นรัฐบาล แต่ใครรวมเสียงข้างมาก ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เช่นกัน 

นายสมชัย ฝากถึงพรรคเพื่อไทยที่มีโอกาสจะช้อปปิ้งสส. ดังนั้นควรเอาพรรคที่รู้ใจกัน ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปยึดติดตัวเลข 375 เพราะหาก 375 พรรคเดียวเมื่อไหร่ บ้านเมืองวุ่นวายแน่นอน เพราะจะกลายเป็นเผด็จการรัฐสภา ฝ่ายค้านก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จะเป็นการสร้างวิกฤตทางการเมืองรอบใหม่ จะทำให้รัฐบาลเข้มแข็งเกินไป ฝ่ายค้านจะไม่สามารถตรวจสอบได้ ขอเสนอตัวเลขใหม่ 300 พอ 

นายกัญจน์พงศ์ ทิ้งท้าย ยืนยัน หากมีโอกาสร่วมจัดตั้งรัฐบาล ต้องไม่มี 2 ลุงร่วมด้วย พร้อมคาดว่า พรรคก้าวไกลลจะได้ 60-80 เสียง 

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายวีระกร คำประกอบ นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ