ปอศ.รวบยกแก๊ง 'เงินกู้ออนไลน์' ดอกเบี้ยสุดโหด เงินหมุนเวียน 1 ปี กว่าพันล้าน

ตำรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (ปอศ.)  เปิดปฎิบัติการทลายเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ โดยพล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.5 บก.ปอศ. กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร พิจิตร, สมุทรปราการ,จันทบุรี เพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการเงินเถื่อนกู้ออนไลน์ 2 เครือข่าย ประกอบด้วย Burin-credit และ Memoney-Credit สินเชื่อเพื่อธุรกิจ

 

จับกุมตัว นายทศพล (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี นายศักดิ์รินทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี นายยุทธนา (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี และ นายเกียรติศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกําหนด และร่วมกันข่มขู่หรือใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้” 

 

 

 

 

 

นอกจากนี้ยังได้จับกุมพนักงานรับจ้างทวงหนี้ของเครือข่ายดังกล่าวอีก 7 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต”  ยึดของกลาง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 13 เครื่อง โทรศัพท์ 38 เครื่อง ซิมการ์ดประมาณ 50 อัน เช็คค้ำประกันของลูกหนี้ 22 ใบ มูลค่ารวม 7,990,000 บาท รถยนต์หรูยี่ห้อ Mercedes Benz, BMW, TOYOTA, Hyundai ของลูกหนี้ 4 คัน

 

 

 

 

สำหรับปฏิบัติการทลายเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ ดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2565 ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ได้รับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์นอกระบบ“Burin-credit” มีพฤติการณ์เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ซึ่งผู้กู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยรายวันในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อวัน หรือ ร้อยละ 547.5 ต่อปี จนกว่าจะมีเงินต้นมาชดใช้คืน หลังรับเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง

 

 

 

 

 

โดยเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ดังกล่าวจะมีการเปิดเว็บไซต์ชื่อว่า www.burin-credit.com ชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปกู้เงิน โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และ ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนถูกกฎหมายได้ ซึ่งการกู้เงินผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวไม่จําเป็นต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตน และไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน

 

 

 

 

ในกรณีที่ผู้กู้เป็นผู้ประกอบธุรกิจฯ กลุ่มคนร้ายจะไปสํารวจกิจการเพื่อประกอบการพิจารณา เมื่อสินเชื่ออนุมัติ คนร้ายจะโอนเงินไปให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้งของธนาคารไปยังบัญชีธนาคารของผู้กู้ โดยกลุ่มคนร้ายจะหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรกไว้ก่อน หากลูกหนี้ผิดนัดชําระหนี้ ก็จะใช้วิธีการโทรศัพท์ข่มขู่ และ ไประรานผู้กู้ถึงที่บ้าน, ที่ทํางาน หรือ สถานประกอบการ ซึ่งถือเป็นการกระทําที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย

 

 

 

 

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ดังกล่าวพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีช่วงระยะเวลา 1 ปี กว่า 1,000 ล้านบาท จึงแกะรอยและรวบรวมพยานหลักฐานจนพิสูจน์ทราบตัวบุคคลซึ่งเป็นตัวการหลักของขบวนการดังกล่าวได้จำนวน 4 คน ต่อมา 1 ในเครือข่ายได้แยกตัวไปเปิดเพจเฟซบุ๊ก ชื่อว่า Memoney-credit เพื่อปล่อยเงินกู้ออนไลน์ในลักษณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ และเข้าจับกุมดังกล่าว  จน

 

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าปล่อยเงินกู้เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดจริง แต่ยืนยันว่าไม่เคยข่มขู่ลูกหนี้แต่อย่างใด

 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป