ให้ออกแล้ว 3 ตร.สืบสวนเมืองน้ำดำ 'รีดเงิน' แลกปล่อยตัวผู้ต้องหายาเสพติด

26 มี.ค.2566  พล.ต.ต.สุวรรณ เชี่ยวนาวินธวัช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์  (ผบก.ภ.จ.กาฬสินธุ์) ลงนามสั่งให้ 3 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ จับกุมคาห้องสืบสวนภายในสถานีตำรวจ กรณีร่วมกันเรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องหาคดียาเสพติดจำนวน 5 แสนบาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี และเตรียมเรียกตำรวจอีก 8 นาย มาสอบสวน หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องจะถูกดำเนินคดีด้วย

 

โดยในวันพรุ่งนี้ (27 มี.ค.2566) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ จะเรียกตัวตำรวจชุดสืบสวนทั้ง 3 นาย ประกอบด้วย ตร.ยศ ด.ต. 1 นาย และ ส.ต.อ. อีก 2 นาย ที่ถูกจับกุมพร้อมของกลางเป็นเงินสดจำนวน 364,700 บาท มาสอบปากคำ ส่วนตำรวจอีก 8 นาย คือ ตำรวจ ยศ ร.ต.อ. 1 นาย , ร.ต.ท. 1 นาย,  ด.ต. 2 นาย,  จ.ส.ต. 3 นาย, และ ส.ต.อ. อีก 1 นาย ซึ่งอยู่ในชุดเดียวกันที่ถูกซัดทอดมาสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมกันเรียกเงิน ในครั้งนี้หรือไม่

 

 

 

 

ซึ่งหากผลการสอบสวนหรือพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันกระทำผิดทั้ง 8 รายนี้ก็จะถูกดำเนินคดีทั้งอาญา สอบวินัย และให้ออกจากราชการไว้ก่อนด้วย นอกจากนี้ยังจะต้องเรียกตัวร้อยเวรสภ.สมเด็จ ที่เป็นผู้ที่รับเงินของกลางลงบันทึกประจำวันก่อนซ้อนแผนมาสอบปากคำด้วยเช่นกัน 

 

สำหรับคดีดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวนให้การว่า  ได้จับกุมนายบี (นามสมมุติ) พร้อมกับของกลางยาบ้า 2,000 เม็ด จากบ้านพักในพื้นที่ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2566 และนำตัวมาที่ห้องสืบสวน เพื่อมาดำเนินคดี แต่จากการสอบถามนายบี ผู้ที่ถูกจับและถูกกล่าวหาว่ามียาบ้า  ให้การปฏิเสธว่าไม่มียาบ้า พร้อมทั้งอ้างว่าถูกตำรวจชุดดังกล่าวไปหาที่บ้าน พร้อมกับนำตัวไปยืนถ่ายภาพชี้ถุงอะไรบางอย่างบริเวณข้างบ้าน ก่อนจะนำตัวมาที่โรงพัก แล้วใช้โทรศัพท์ของตนโทรหาน้องสาว เพื่อที่จะให้นำเงินจำนวน 500,000 บาท มาให้แล้วปล่อยตัวตนเองออกมา

 

 

 

 

ทั้งนี้ จะต้องตรวจสอบว่าการที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ จับกุมผู้ต้องหาและยาบ้า 2,000 เม็ดมานั้น ของกลางยาบ้า อยู่ที่ไหน เนื่องจากเบื้องต้นตรวจสอบแล้วไม่มีการลงบันทึกการจับกุม และยังไม่พบของกลางยาบ้า ซึ่งจะเป็นการกล่าวอ้างหรือไม่ เพราะล่าสุดคนที่ถูกจับมาก็ให้การปฏิเสธ เรื่องนี้จะต้องทำให้ชัดเจนด้วยว่าการจับกุมมามียาบ้าด้วยหรือไม่ แต่หากจับมาแล้ว พร้อมของกลางจริงก็ไม่ควรที่จะมีพฤติกรรมเรียกรับเงิน เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ซึ่งเรื่องนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

 

 

 

 

สำหรับคดีดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ จับกุมคดียาเสพติดในพื้นที่ อ.ยางตลาด ก่อนจะขยายผลไปจับกุมตัวนายบี เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2566 โดยได้เข้าจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ในพื้นที่ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลางยาบ้า 2,000 เม็ด ก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำที่ห้องสืบสวน  สภ.เมืองกาฬสินธุ์

 

จากนั้นหนึ่งในชุดจับได้ใช้โทรศัพท์ของนายบี โทรไปหานางเอ ซึ่งเป็นน้องสาวของนายบี และเป็นภรรยาของตำรวจยศ ด.ต. ซึ่งเป็นตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง และเคยปฏิบัติหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ เพื่อให้นําเงิน จํานวน 500,000 บาท มาให้แลกกับการไม่ให้ถูกจับกุม ซึ่งนางเอ ได้เจรจาต่อรองลดลงเหลือ 400,000 บาท พร้อมกับตอบตกลงที่จะนําเงินมาส่งมอบให้บริเวณหลัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์  และนำเรื่องไปแจ้งกับสามีที่เป็นตำรวจ จากนั้นสามีได้นำเรื่องรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา ก่อนจะมีการซ้อนแผนจับกุม

 

 

 

โดยได้นําเงินจํานวนดังกล่าวไปลงบันทึกประจําวันไว้ เพื่อเป็นหลักฐาน ที่ สภ.สมเด็จ จ. กาฬสินธุ์ และวางแผนการจับกุมโดยตกลงกันว่าให้ นางเอ นํากระเป๋า ซึ่งภายในบรรจุเงิน จํานวนดังกล่าวไปมอบให้บุคคลตามที่ตกลงกัน ส่วนเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.เกษม มุฑาพร ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้ยืนดูสังเกตการณ์อยู่บริเวณลานจอดรถ ด้านหลัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ใกล้กับห้องปฏิบัติการสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อรับมอบเงินกันเสร็จแล้วนางเอ จะส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม

 

จากนั้น พ.ต.อ.เกษม ได้เข้าไปที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พบตํารวจ 3 นาย  นั่งอยู่ในห้องสืบสวน ก่อนจะสอบถามว่าผู้ต้องหาชื่อนายบี อยู่ที่ใด ตำรวจทั้ง 3 นายแจ้งว่า “ให้กลับบ้านแล้ว” และได้ตรวจยึดกระเป๋าเงินพร้อมธนบัตร จํานวนเงิน 364,000 บาท ที่ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนหน้านี้ไว้เป็นของกลาง จากนั้น พ.ต.อ.เกษม ได้สอบถามว่ามีใครได้ร่วมรู้เห็นและกระทํา ผิดในครั้งนี้ ซึ่งเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 ยังให้การตรงกันว่ามีผู้ร่วมรู้เห็นและการกระทําในครั้งนี้อีก 8 ราย 

 

อย่างไรก็ตามนางเอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นน้องสาวของนายบี  เป็นภรรยาของตำรวจยศ ด.ต.และเป็นผู้เสียหายที่นำเงินมาให้ตำรวจชุดสืบสวน ปฏิเสธที่ให้ข้อมูล โดยอ้างว่าเกรงจะเสียรูปคดี และปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ขณะที่ตำรวจชุดที่ถูกกล่าวหา รวมทั้งผู้บังคับบัญชาหัวหน้าสถานียังไม่มีใครออกมาชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
 

 

จักรพงษ์ ระวิวรรณ จ.กาฬสินธุ์