'สว.อุปกิต' ส่งทนายยื่นอธิบดีศาลอาญาไต่สวน 'พ.ต.ท.มานะพงษ์' เเปลเอกสารเท็จบิดเบือนในการยื่นขอออกหมายจับ ชี้ เตรียมฟ้องดำเนินคดีอาญาต่อ
วันนี้ (17 มีนาคม 66) ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับอำนาจจาก นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา 'สว.อุปกิต' ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนและขอความเป็นธรรม การใช้พยานหลักฐานที่เจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงในการยื่น คำร้องขอออกหมายจับ นายอุปกิต ปาจรียางกูร ต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
จากกรณี พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ อดีตสารวัตร กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนรบาล (บช.น.) ในขณะนั้นมายื่นคำร้องขอออกหมายจับ นายอุปกิต โดยใช้เอกสารที่บิดเบือนข้อเท็จจริงโดยมีการแปลให้ผิดเจตนาของข้อความ ในการใช้ประโยชน์ให้ศาลเชื่อและออกหมายจับ
ซึ่งตนมองที่ศาลเพิกถอนหมายจับถูกต้องแล้ว และเอกสารดังกล่าวเป็นการบิดเบือนและไม่สามารถขอออกหมายจับได้ วันนี้จึงมายื่นร้องขอให้ศาลพิจารณาว่าเอกสารนั้นชอบหรือไม่ ถ้าศาลเห็นว่าไม่ชอบก็ขอให้ศาลขอไต่สวน ว่าการกระทำเป็นความผิดหรือไม่ เนื่องจากมันเกิดความเสียหายทั้งศาลและนายอุปกิต วันนี้ไม่ได้มาแก้ตัว แต่ต้องการแสวงหาข้อเท็จจริง ในความเห็นถ้าศาลมองว่าผิดอันดับแรกก็น่าจะเข้าข่ายเรื่องละเมิดอำนาจศาล ก็คงนัดไต่สวนในข้อหาละเมิดอำนาจศาลต่อไป
ตนก็ไม่ทราบว่าการขอออกหมายจับดังกล่าวมีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ ซึ่งความเป็นจริงถือว่าเป็นส่วนน้อยที่เจ้าหน้าที่สืบสวนจะมาทำการขอออกหมายจับเองเพราะส่วนมากจะเป็นพนักงานสอบสวนมายื่นขอ ซึ่งก็ต้องเป็นไปตามหลักการตามรัฐธรรมนูญและ ป.วิอาญา ว่าผู้ต้องหามีเจตนาหลบหนี และพยานหลักฐานเพียงพอในการขอออกหมายจับหรือไม่ แต่การใช้วิธีบิดเบือนเพื่อให้ศาลเชื่อและออกหมายจับ มันทำได้หรือไม่ เรื่องนี้มันต้องดูหลายอย่างประกอบกัน
ในส่วนการดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเอกสารที่บิดเบือนขั้นตอนต่อไปทางทนายความคงใช้วิธีฟ้องตรง ส่วนจะมีใครที่ถูกดำเนินคดีอาญาบ้างขอปรึกษากันก่อน เมื่อถามว่าในส่วนคดีที่อัยการสูงสุดตั้งคณะพนักงานสอบสวนมีการเรียกนายอุปกิตไปให้ถ้อยคำแล้วหรือไม่ นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่าตนไม่ขอก้าวล่วงเป็นอำนาจอัยการสูงสุด ต้องปล่อยให้พนักงานสอบสวนที่ตั้งขึ้นมาทำคดีไป แต่ถ้ามีการออกหมายเรียกมา นายอุปกิต ก็พร้อมไปให้ความร่วมมือ ถ้านายอุปกิตผิดคงหนีไปแล้ว ตั้งแต่มีข่าวมานายอุปกิตก็อยู่บ้าน และคุยกับตนตลอด
"ผมก็ไม่ทราบเขาให้ใครแปลแต่มันต้องมีรับรองโดยให้ลอว์เฟิร์มเขาเป็นคนดำเนินการมันจึงจะดูน่าเชื่อถือ นี่แปลจากขาวๆ กลายเป็นเทา เป็นการแปลจากภาษาอังกฤษแล้วก็มีภาษาพม่า" ทนายความระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง