ผบ.ตร. รับ ใช้กระสุนจริง ยิง 'สารวัตรกานต์' ตามแผนยุทธวิธี

หลังปฎิบัติการควบคุม "สารวัตรกานต์" ที่คลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืน กราดยิง อยู่ภายในบ้านพักย่านสายไหม ยาวนานถึง 27 ชั่วโมง จนเจ้าหน้าที่ตัดสินใจ ระดมยิงทั้งแก๊สน้ำตา และกระสุน เข้าไปภายในห้องพัก จนสารวัตรกานต์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา กลายเป็นประเด็นคำถามจากสังคม จากในเบื้องต้น ที่ตำรวจยืนยันว่า จะไม่ใช้ความรุนแรงในการควบคุม

พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า การเข้าควบคุมเหตุคลุ้มคลั่งของ สารวัตรกานต์ แสงบุญ สารวัตรสังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล หรือ สารวัตรกานต์ นั้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยากต่อการเจรจา ตำรวจได้พยายามทุกวิถีทางในการระงับเหตุแล้ว แต่ทางสารวัตรกานต์ ไม่มีท่าทีสงบ และไม่ยอมวางอาวุธ ชุดปฏิบัติการจึงตัดสินใจเข้าจับกุม

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า ชุดอรินทราช 26 ได้มีการใช้กระสุนจริงในการปฏิบัติการ เนื่องจากสารวัตรกานต์ มีอาวุธที่เป็นกระสุนจริงอยู่ด้วย และมีการโต้ตอบเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา ทำให้ชุดปฏิบัติการจำเป็นต้องมีอาวุธที่เท่าเทียมกับผู้ก่อเหตุ แต่ก็มีทั้งกระสุนยาง และปืนไฟไฟ้า ใช้ร่วมปฏิบัติด้วย โดยขั้นตอนการปฏิบัติตามแผนกรกฎ ได้มอบหมายให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ส่วนรอยกระสุน 6 จุด ตามร่างกาย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างให้แพทย์ชันสูตรศพให้ละเอียดก่อน ว่าเป็นการเสียชีวิตจากสาเหตุใด

สำหรับการเจรจาตลอดทั้ง 2 วัน ก่อนเข้าปฏิบัติการ ผบ.ตร. ระบุว่า ได้มีการประเมินร่วมกับแพทย์จิตเวช กรมสุขภาพจิตอยู่ตลอด เพื่อวางแผนเข้าระงับเหตุ แต่ด้วยสภาวะความเครียดของสารวัตรกานต์ ไม่ยอมรับข้อเสนอทั้งหมด แม้กระทั่งในช่วงแรกที่ได้โทรศัพท์พูดคุยด้วยภาษาเหนือ จะเริ่มไว้ใจแล้ว แต่ก็ไม่ยอมวางอาวุธ และพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงตัดสินใจเข้าปฏิบัติการ

ส่วนสาเหตุอาการคลุ้มคลั่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า น่าจะมาจากสภาวะจิตที่ไม่ปกติ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทราบว่า สารวัตรกานต์ รักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ และปกปิดอาการ ส่วนเรื่องความเครียดในการทำงาน น่าจะไม่มี เนื่องจากผ่านเกณฑ์การทดสอบทางจิตใจมาแล้ว และการโยกย้ายมาปฏิบัติงานด้านการข่าว ของตำรวจสันติบาล เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ก็เป็นความสมัครใจ เนื่องจากเป็นงานที่ถนัดกว่างานที่อยู่กองบัญชาการศึกษา และเพิ่งมีอาการผิดปกติ 5 วันก่อนเกิดเหตุ ที่ไม่มาปฏิบัติราชการ ผู้บังคับบัญชาจึงโทรศัพท์ไปสอบถาม แต่ก็พบว่าพูดจาผิดปกติ จึงนำแพทย์ไปรับตัวที่บ้าน เพื่อรักษา แต่ก็ถูกปฎิเสธ พร้อมโต้ตอบด้วยอาวุธปืน

ผบ.ตร. ยืนยันว่า หลังจากที่เกิดเหตุกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู ได้มีการคัดกรองสภาพจิตของตำรวจทั่วประเทศไปแล้ว ก็ยังพบว่ามีตำรวจที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่เข้าข่ายมีอาการทางจิตและประสาท หลังจากนี้ ก็จะกำหนดมาตรการให้เข้มข้นขึ้น รวมทั้งให้ประชุมเพื่อสำรวจ คัดกรองตำรวจกลุ่มเสี่ยงในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคมนี้ 

ทั้งนี้ ในส่วนของประวัติการเสพกัญชาจะมีร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากพบอุปกรณ์ และต้นกัญชาอยู่ภายในบ้านนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 

อย่างไรก็ตาม การเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ตำรวจในพื้นที่สำรวจความเสียหายและพร้อมที่จะให้เงินช่วยเหลือกับบ้านข้างเคียง ที่ได้รับผลกระทบทุกราย และให้ความช่วยเหลือกับญาติผู้เสียชีวิตตามสิทธิที่จะได้รับอย่างเต็มที่