หมอหมู อธิบาย 'สารวัตรคลั่ง' ทนแก๊สน้ำตาได้ ไม่เกี่ยวกับ อาการจิตเวช

จากเหตุการณ์ "สารวัตรคลั่ง" ยิงปืนขึ้นฟ้า ภายในบริเวณบ้านมั่นคง 2 ซอยจีระมะกร เขตสายไหม กทม. โดยที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นักจิตวิทยา พยายามเกลี่ยกล่อมให้ออกมาจากห้อง เพื่อนำตัวไปรักษาอาการป่วย แต่พบว่าไม่เป็นผล ซึ่งที่ผ่านมามีการยิงแก๊สน้ำตาไปแล้วกว่า 2 รอบ แต่ "สารวัตรคลั่ง" ก็ยังไม่ออกมาจากห้อง จนเกิดคำถามว่าอาการเจตเวชที่เป็นอยู่นั้นมีผลต่อความทนทานต่อ แก๊สน้ำตา หรือไม่  

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ หมอหมู  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้สัมภาษณ์กับ คมชัดลึก ถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นที่ "สารวัตรคลั่ง" สามารถทนต่อ แก๊สน้ำตา ได้เป็นเวลานานมากกว่าคนอื่น ตนเห็นว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับอาการจิตเวชที่ "สารวัตรคลั่ง" กำลังป่วย  ในเบื้องต้นตนคิดว่าอาจจะเกิดจากการที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ รวมทั้งมีประสบการณ์ในการเผชิญเหตุที่ต้องใช้แก๊สน้ำตา  

รศ.นพ.วีระศักดิ์ อธิบายต่อว่า อีกทั้งยังรู้จักวิธีป้องกันด้วย เพราะหากพิจารณาจากจุดที่  "สารวัตรคลั่ง" คนดังกล่าวอยู่ภายในห้องคาดการณ์ว่าในขณะที่มีการใช้ แก๊สน้ำตา มีการเข้าไปหลบในห้องน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่สามารถป้องกันตัวได้ดี รวมทั้งยังรู้วิธีการดูแลตัวเองในเบื้องต้น ว่าจะต้องทำอย่างไร ความรู้และความชำนาญช่วยให้สารวัตรสามารถทนต่อ แก๊สน้ำตา ได้ดีกว่าประชาชนทั่วไป ซึ่งตนเห็นว่าการอดทนต่อ แก๊สน้ำตา นั้นไม่เกี่ยวกับโรคจิตเวชอย่างแน่นอนว่า เพราะงานวิจัยในต่างประเทศก็ไม่ได้ระบุไว้ว่า ผู้ป่วยจิตเวชสามารถทนต่อ แก๊สน้ำตา ได้ดีกว่าคนอื่น เพราะแก๊สน้ำตาจะมีสารเคมีที่มีผลทำให้เกิดการระคายเคืองตามเหยื่อบุดวงตา ผิวหนัง ทางเดินหายใจไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไป หรือ ผู้ป่วยจิตเวช ก็ไม่สามารถทนได้ดีกว่า แต่ขึ้นอยู่กับว่ามีความรู้ และป้องกันตัวเองได้อย่างไรมากกว่า 

รศ.นพ.วีระศักดิ์ ระบุต่อไปว่า ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามว่าความทนทานของร่างกาย  "สารวัตรคลั่ง"  คนดังกล่าวต่อแก๊สน้ำตานั้นขึ้นอยู่กับอาการป่วยจิตเวชหรือไม่นั้น จากข้อมูลที่ตนค้นคว้ามานั้นพบว่าเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แต่อาจจะมีความสัมพันธ์กับความรู้สึก นึกคิด ในตอนนั้น เช่น ในช่วงที่มีการยิ่ง แก๊สน้ำตา ความรู้สึกของสารวัตรอาจจะรับรู้ได้ช้า  ตอบสนองต่อสิ่งเหล่าช้า กว่าคนปกติทั่วไปจึงรับรู้ได้ช้าว่ารอบ ๆ ตัวมีการยิงแก๊สน้ำตา เพราะโดยปกติทั่วไป ผู้ป่วนจิตเวชมักจะเกิดความรู้สึกช้ากว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เรายังไม่ทราบว่าป่วยเป็นจิตเวชประเภทใดดังนั้นจึงสรุปได้ว่า อาการจิตเวช ไม่ได้ทำให้ร่างกายสามารถป้องกัน แก๊สน้ำตา ได้แบบอัตโนมัติ