นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย มองว่าความพยายาม ยุบพรรคการเมือง จะทำให้ ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะวิกฤติ และเป็นการเมืองแบบเก่า ที่ใช้ตุลาการมาทำลายคู่แข่งขัน ทั้งที่ประเทศไทย กำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งในอีกสองเดือนข้างหน้า
การยุบพรรคการเมืองไม่เป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย ไม่เคารพสิทธิของประชาชน ไม่ใช่พลวัฒน์ของระบอบการปกครอง และไม่ควรมีพรรคการเมืองใด ต้องถูกยุบ หากไม่ได้กระทำความผิด
เหตุแห่งการยุบพรรคการเมือง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองฯ ประกอบด้วย
- กระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอํานาจในการปกครองประเทศที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
- กระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
- กระทําการฝ่าฝืนมาตรา 20 วรรคสอง มาตรา 28 มาตรา 30 มาตรา 36 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 72 หรือมาตรา 74 ซึ่งว่าด้วยการดำเนินการของพรรค ว่าจะต้องไม่แสวงหากำไร ไม่ถูกครอบงำ ต้องยึดหลักประธิปไตย และปฏิบัติตามข้อบังคับเรื่องการเงิน
- มีเหตุอันจะต้องยุบพรรคการเมืองตามที่มีกฎหมายกําหนด
จะเห็นได้ว่าขณะนี้ไม่มีพรรคการเมืองใดที่เป็นภัยต่อการล้มล้างการปกครอง เว้นเสียแต่ว่าเหตุผลเดียวที่ต้องการยุบพรรค เป็นไปเพื่อต้องการสกัดกั้นเป้าหมายแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ จึงมีความพยายามทุกวิถีทางที่สร้างประเด็น เพื่อให้เกิดภาวะชะงักงันในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยละเลยความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ทั้งที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยนับตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มี 110 พรรคถูกยุบพรรค และทุกครั้งที่มีการยุบพรรคมักจะเกิดวิกฤตทางการเมืองที่ยากจะหาทางออก
รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย มองว่า สังคมไทยหรือนักการเมืองไทยควรเรียนรู้ได้แล้วว่าการยุบพรรคการเมืองไม่เป็นผลดี ไม่เคารพต่อเสียงของประชาชน ไม่มีประโยชน์ต่อพลวัตน์ของการเมืองไทย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคการเมืองอื่นที่ไม่มีความผิดไม่สมควรที่จะต้องถูกยุบพรรค เพื่อดำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนตั้งตาตั้งตารอคอย กระบวนการยุบพรรคที่ไม่ว่าเกิดจากใคร ที่พยายามสกัดกั้นขัดขวางพรรคอื่นโดยพยายามใส่ร้าย ถือเป็นการเมืองแบบเก่า เป็นภัยต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเสียเอง”
นางสาวลิณธิภรณ์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง