'ชาติพัฒนากล้า' ชูนโยบาย 'เลือกตั้ง66' ราชการ 1 คำขอ จบที่เดียว
'อรรถวิชช์' รองหัวหน้า 'พรรคชาติพัฒนากล้า' ชูนโยบาย 'เลือกตั้ง66' 'ALL Service Center ราชการ 1 คำขอ จบที่เดียว' แจ้งกรณีนโยบาย 'ยกเลิก' แบล็กลิสต์ ไม่ได้หมายถึงถอดชื่อออก แต่เพิ่มข้อมูลดีเข้าไปในระบบ สร้างเครดิตดี เข้าถึงสินเชื่อเป็นธรรม
หากไม่ผิดแผนวันที่ 7 พฤษภาที่จะถึงนี้ คนไทยน่าจะได้ไปใช้สิทธิ "เลือกตั้ง" ใหญ่ในรอบ 10 ปี พรรคการเมืองต่างหาเสียงอย่างเข้มข้น ล่าสุด 7 พรรคใหญ่ ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยสร้างไทย "พรรคชาติพัฒนากล้า" และพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นเวทีเสนอนโยบายในงานเสวนา อนาคตประเทศไทย หัวข้อ "นวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศไทย" จัดโดยเครือเนชั่น กรุ๊ป
"นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี" รองหัวหน้า "พรรคชาติพัฒนากล้า" เปิดด้วยนโยบายพรรคการเมืองพร้อมผลักดัน "นวัตกรรมนำไทย เชื่อมโลก" ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าเป็นพรรคใหม่ มีแนวคิดแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย เน้นเรื่องการแข่งขัน สร้างโอกาส แต่เน้นเรื่องโอกาสความเสมอภาค ไม่ว่าจะรวยหรือจน สามารถเข้าถึงโอกาสในการแข่งขันได้ จึงนำเสนอ "นวัตกรรมสร้างโอกาส" 2 เรื่องสำคัญ
เรื่องแรก คือ "ALL Service Center ราชการ 1 คำขอ จบที่เดียว" เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยใช้ระบบ "One Stop Service" แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเวลาไปยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการหรือทำธุรกรรมกับรัฐ เกิดปัญหาล่าช้า ไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน ประชาชนต้องวิ่งไปยื่นเรื่องตามหน่วยงานต่างๆ เอง การเริ่มประกอบธุรกิจขอใบอนุญาตจึงยากลำบาก
"พรรคชาติพัฒนากล้า" จึงเสนอนวัตกรรมนโยบาย "ALL Service Center ราชการ 1 คำขอ จบที่เดียว" ยื่นเรื่องที่เดียวจบทุกขั้นตอน สามารถติดตามความคืบหน้าผ่านแอพพลิเคชัน นวัตกรรมนี้จะช่วยเสริมให้การบริการภาครัฐสะดวกรวดเร็วขึ้น สร้างโอกาสให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้มากขึ้น สร้างการลงทุนกับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้น
"สมมติผมอยากจะเปิดโรงแรมโฮมสเตย์สปาเล็กๆ ถ้าเป็นระบบเดิม ผมต้องวิ่งไปหลายหน่วยงานเพื่อขอใบอนุญาต เช่น ขอใบอนุญาตประกอบโรงแรม ขอใบอนุญาตประกอบกิจการขายอาหาร ขอใบอนุญาตขายสุรา ใบอนุญาตประกอบกิจการสปา แต่ถ้าเป็นระบบ All Service Center ราชการ 1 คำขอ จบที่เดียว ยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องครั้งเดียว ระบบจะสามารถส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาได้ทันที" "นายอรรถวิชช์" กล่าว
รองหัวหน้า "พรรคชาติพัฒนากล้า" เสนออีกว่า รัฐมีความพร้อมทั้งเรื่องสมรรถนะ และกฎหมาย มี พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 พ.ร.บ.ปฏิบัติการราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2565 รวมถึงความเข้าใจของประชาชน เทคโนโลยีที่ทั่วถึง สามารถทำให้นโยบายเกิดขึ้นได้จริง สร้างโอกาสให้คนประกอบธุรกิจได้สะดวกขึ้น
ส่วนในกรณีนโยบาย "ยกเลิก" แบล็กลิสต์ "นายอรรถวิชช์" บอกว่า "พรรคชาติพัฒนากล้า" ไม่ได้เสนอให้ยกเลิกบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติตามที่มีคนเข้าใจผิด แต่จะยกระดับการเก็บข้อมูลสินเชื่อของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพราะขณะนี้ข้อมูลเครดิตมีเพียงข้อมูลเสีย แต่ข้อมูลดีไม่เคยถูกนำเข้าระบบเลย ซึ่งการนำข้อมูลดีเข้าระบบจะช่วยสร้างโอกาสให้คนสามารถเข้าสู่สินเชื่อได้อย่างเป็นธรรม
"คนที่เคยติดหนี้เกิน 3 เดือน แม้จะหาเงินมาล้างหนี้ได้แล้ว ก็จะถูกบันทึกประวัติค้างไว้อีก 3 ปี เหมือนถูกแช่แข็ง ไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้ในช่วงเวลานี้ สภาวะนี้คือ สภาวะที่เรียกว่า ติดแบล็กลิสต์ เราจึงเสนอนวัตกรรมนโยบายเพื่อสร้างโอกาสให้คนเข้าถึงสินเชื่อได้ด้วยการใช้ "เครดิตสกอริ่ง" นำข้อมูลการเงินทุกอย่างของบุคคล ทั้งการจ่ายหนี้ เงินเข้าเงินออกบัญชี ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ มาคิดเป็นคะแนนสินเชื่อ ใครได้คะแนนมาก กู้ได้มากดอกเบี้ยต่ำ ใครได้คะแนนน้อย กู้ได้น้อยดอกเบี้ยสูง" "นายอรรถวิชช์" กล่าว
ในสุดท้าย "พรรคชาติพัฒนากล้า" บอกว่า การใช้เครดิตสกอริ่ง จะสร้างโอกาสให้คนที่ติดแบล็กลิสต์ กว่า 5.5 ล้านคน สามารถกลับเข้ามากู้เงินในระบบได้ ไม่ถูกผลักเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบ เป็นคนจำนวนไม่น้อยที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ และสามารถลดการผูกขาด เพิ่มการแข่งขันในบรรดาสถาบันการเงิน