ข่าว

สาวเพื่อนสนิทแฟน 'ปราบต์ปฎล' โต้ไม่ได้ตบทรัพย์ 10 ล้านวิ่งเต้นคดี Forex-3D

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สาวเพื่อนสนิทแฟน "ปราบต์ปฎล" พร้อม ทนายเฮง หอบหลักฐานยืนยันไม่ได้ตบทรัพย์ 10 ล้านบาท วิ่งเต้นคดี Forex-3D ด้าน เลขา รมว.ยุติธรรม ย้ำคดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว ไม่สามารถวิ่งเต้นในชั้นสอบสวนได้ รับเคยร่วมทานข้าวแต่ไม่เกี่ยวกับคดี

7 มี.ค.2566 นางสาวชิดชญา (สงวนนามสกุล)  พร้อมด้วย นายกฤษดา  หรือ ทนายเฮง ผู้ที่ถูก นายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง นักแสดง อ้างว่าอยู่ในกลุ่มขบวนการตบทรัพย์ เพื่อช่วยเหลือการดำเนินคดีกับ แฟนสาว ที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน และฟอกเงิน การลงทุนสกุลเงินดิจิทัล  Forex-3D ไปก่อนหน้านี้ และถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ยังไม่ได้รับการประกันตัว ได้นำหลักฐานการพูดคุยกับ นายปราบต์ ในช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา

 

นางสาวชิดชญา เปิดเผยว่าตนรู้จักกับนายปราบต์ปฎล เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน โดยได้ทักไปหาเพื่อนสนิท ซึ่งเป็นแฟนของนายปราบต์ เพื่อขอให้โปรโมทนาฬิกายี่ห้อหนึ่งที่ขายอยู่ เนื่องจากเห็นว่า นายปราบต์ ใส่ยี่ห้อนี้เป็นประจำ และนายปราบต์ เคยยังมาขอนาฬิกาฟรี  แต่ตนให้ไม่ได้  เนื่องจากไม่ใช่เจ้าของโดยตรง แต่สุดท้ายแฟนสาวของ นายปราบต์ ก็ได้ตกลงซื้อไป 1 เรือน เพื่อช่วยสนับสนุนเพื่อนตัวเอง

 

 

น.ส.ชิดชญา พร้อมทนายเฮง ยืนยันไม่เคยตบทรัพย์ปราบปฎลวิ่งเต้นคดีForex-3D

 

 

หลังจากนั้นได้ทราบข่าวว่า แฟนสาวของนายปราบต์ ถูกดำเนินคดี จึงรู้สึกตกใจ และเป็นห่วงเพื่อน และได้นัดหมายให้นายปราบต์ มาคุยกับ ทนายเฮง โดยมีตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2565 ซึ่งรู้จักกัน เพราะเป็นคนที่ร่วมทำคดีนี้ โดยนัดรับประทานอาหารกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง และเป็นคนที่ออกค่าใช้จ่าย ค่าอาหารให้ เนื่องจาก นายปราบต์ บอกว่าไม่มีเงิน

 

การพูดคุยครั้งนี้ เป็นเพียงการสอบถามเรื่องเงื่อนไขการประกันตัวเท่านั้น โดยทนายเฮง ได้แนะนำเพียงว่า คดีนี้มีความเสียหายจำนวนมาก ทำให้วงเงินเงื่อนไขการประกันตัวก็ต้องใช้จำนวนมากเช่นกัน ซึ่งเป็นหลักล้าน โดยที่ไม่ได้บอกจำนวนเงิน 10 ล้านบาท ตามที่ นายปราบต์ กล่าวหา 

 

รวมทั้งไม่ได้มีการกล่าวอ้างถึงการวิ่งเต้นคดี หรือ พูดถึงผู้ใหญ่ในกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความช่วยเหลือ หรือวิ่งเต้นคดี และไม่มีการตบทรัพย์ใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งคดีนี้อยู่ในชั้นศาลแล้วจึงไม่สามารถวิ่งเต้นคดีในชั้นสอบสวนได้

 

 

น.ส.ชิดชญา พร้อมทนายเฮง ยืนยันไม่เคยตบทรัพย์ปราบปฎลวิ่งเต้นคดีForex-3D

 

 

ส่วนกรณีที่นายปราบต์ อ้างว่ามีการพูดถึง "ความยุติธรรม ต้องมีค่าใช้จ่าย" ทนายเฮง ยืนยันว่า ไม่ได้พูดถึง แต่หากตามหลักการว่า จ้างคดีความแล้ว ก็จำเป็นต้องมีค่าจ้างทนายความวิชาชีพ และค่าดำเนินการ ในชั้นศาลอยู่แล้ว แต่จะจำนวนเท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างคู่ความ 

 

 

 

ปราบปฎลร้องดีเอสไอ ถูกตบทรัพย์วิ่งเต้นคดี Forex-3D

 

 

โดยหลังจากนี้ ทั้งสองคนก็จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับ นายปราบต์ ในข้อหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์” เนื่องจากถือว่า ได้รับความเสียหาย ทั้งเรื่องชื่อเสียง และผลกระทบความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ

 

ขณะที่ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันเช่นกันว่า ไม่ได้รู้จักกับ นายปราบต์เป็นการส่วนตัว แต่ยอมรับเคยไปทานอาหารด้วยกัน ซึ่งไม่ได้พูดคุยเรื่องคดี 

 

 

ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม

 

 

ส่วนทนายเฮง ยอมรับว่า ก็เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายในการร่วมกันทำงานในกระทรวง ที่มีหลายคดีต้องการรับความช่วยเหลือจากผู้มีความรู้ความสามารถ ซึ่งทนายเฮง ก็ไม่ได้รับค่าตอบแทนจากกระทรวง เป็นการช่วยเหลือด้วยจิตอาสา

 

พร้อมยืนยันว่า คดีนี้ไม่สามารถวิ่งเต้นในชั้นสอบสวนได้แล้ว เรื่องจากคดีอยู่ในชั้นศาล แต่หาก นายปราบต์ มีพยานหลักฐานที่เห็นว่ากลุ่มคนที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องตบทรัพย์ ก็สามารถดำเนินคดีได้

 

ซึ่งที่ผ่านมา ในช่วงที่นัดรับประทานอาหารกัน นายปราบต์ ยังไม่ถูกดำเนินคดี แต่หลังจากนั้นประมาณ 3 เดือน ก็ถูกแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงิน นั้น ทำให้ นายปราบต์ ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นสาเหตุที่ไม่ยอมจ่ายเงินหรือไม่นั้น ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต ก็ยืนยันว่า ในช่วงดังกล่าวไม่มีการเรียกรับเงิน เพราะนายปราบต์ ยังไม่ตกเป็นผู้ต้องหา และถือว่าไม่เกี่ยวข้องทางคดี

 

ส่วนก่อนหน้านี้ที่ นายปราบต์ ได้ดำเนินคดีกับ นายพงศธร อินอำนวย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด ดีเอสไอ ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากไปค้นที่ห้องพักของเพื่อนแฟนสาวนั้น คดีนี้พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว เนื่องจากเป็นการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และนำค้นโดยเจ้าของห้องอย่างถูกต้อง เพื่อให้นำของที่เกี่ยวข้องทางคดีออกมา ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

 

สำหรับคดี Forex-3D ยืนยันว่า ดีเอสไอ ได้สืบสวนอย่างตรงไปตรงมา และจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน และกำลังดำเนินการยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดให้กับผู้เสียหายกว่า 12,000 คน และยึดมาได้พอสมควรแล้ว ซึ่งการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาหลัก ที่ร่วมกับ นายอภิรักษ์ โกฎธิ ในข้อหา ฉ้อโกง ไปแล้ว ส่วนการขยายผลก็จะมีกลุ่มคดีฟอกเงินที่กำลังดำเนินการสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ