'บีจีปทุมยูไนต็ด' ร่วง'ช้างเอฟเอคัพ'สัญญาณเก้าอี้กุนซือ แมทธิว สมิธ

การแถลงข่าวหลังเกมฟุตบอลช้างเอฟเอคัพในรอบ 8  ทีม คู่ระหว่าง  "บีจีปทุมยูไนเต็ด"  เปิดบ้านสนามบีจีสเตเดี้ยม แพ้ให้กับโปลิศเทโรเอฟซี  ทีมร่วมไทยลีก  แพ้ไปสกอร์ 1-2 แข่งขันคืนวันพุธที่ 1 มี.ค. การแถลงโดย "แมตต์ สมิธ " หรือ " แมทธิว สมิธ"  หัวหน้าผู้ฝึกสอนบีจีปทุมยูไนเต็ด  คือการยอมรับถึงสถานการณ์ของภาวะ"ขาลง"ที่เกิดขึ้นกับสโมสร  โดยระบุว่าเป็นความผิดพลาดร่วมกันระหว่างนักฟุตบอลและทีมงานผู้ฝึกสอน  ที่เป็นขาลงก็เพราะหลังจากเกิดความเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน จาก "มาโกะโตะ เทกุระโมริ" เฮดโค้ชสัญชาติญี่ปุ่น มาเป็น  "แมตต์ สมิธ "  นับจากตุลาคมที่ผ่านมาจนมาถึงปัจจุบัน  กล่าวได้ว่าผลงานของ "บีจีปทุมยูไนเต็ด" ในยุคของ  "แมตต์ สมิธ "   ไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลย 

 

 

 

"บีจีปทุมยูไนเต็ด"สโมสรฟุตบอลซึ่งอยู่ภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด หรือ "กลุ่มสิงห์" อยู่ในฐานะของสโมสรฟุตบอลขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมทางด้านฐานะทางการเงิน อันเป็นปัจจัยสำคัญต่อการนำพาทีมไปสู่ความสำเร็จ แต่กลายเป็นว่าฤดูกาลนี้  (2022-23 ) การก้าวไปสู่ความสำเร็จของ "เดอะแรบบิท"  หรือ  "บีจีปทุมยูไนเต็ด"   ในการคุมทีมของ "แมตต์ สมิธ" หรือ "แมทธิว สมิธ" คือการห่างไกลจากความเป็นจริง  

 

 

 

• เก้าอี้กุนซือสุดร้อน 

 

ย้อนไปฤดูกาลที่ผ่านมา ( 2021-22)  บีจีปทุมยูไนเต็ด  จบผลงานในฐานะรองแชมป์ไทยลีก  30  นัด 60 คะแนน  ส่วนชนะเลิศไทยลีก คือ  บุรีรัมย์ยูไนเต็ด  น่าสนใจว่า "บีจีปทุมยูไนเต็ด"  อยู่ในสถานการณ์เปลี่ยนแปลง  เริ่มจากออกสตาร์ท ด้วยการแต่งตั้งให้ ออเลริโอ วิดมาร์  เฮดโค้ชสัญชาตออสเตรเลีย เข้ารับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอน  ตั้งแต่ต้นฤดูกาล   แต่ผลงานของ"บีจีปทุม"ในขณะนั้นคือ  12 นัด ชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 2 มี 26 แต้ม อยู่อันดับ 3 ของตาราง

 

 

 

ความเปลี่ยนแปลงในลำดับต่อมา(ฤดูกาลเดียวกัน) คือสโมสรตัดสินใจแยกทาง และกลับไปแต่งตั้งให้"ดุสิต  เฉลิมแสน" ซึ่งเคยมีประสบการณ์คุมทีมบีจีปทุมยูไนเต็ก ชุดเลื่อนชั้นจากไทยลีก 2  มายังไทยลีก1  และทำผลงานพาบีจีปทุมยูไนเต็ดเป็นแชมป์ไทยลีกในปี 2020/21  แต่อายุการทำงานที่บีจีปทุมยูไนเต็ด ของดุสิต  เฉลิมแสน  ก็ไม่ราบรื่น เพราะท้ายที่สุดก็ต้องแยกทางกับต้นสังกัดที่เคยร่วมงานกันมา  

 

 

 

โดยผลงานของ ดุสิต  เฉลิมแสน  เฉพาะไทยลีก  1 เสมอ 3 และแพ้  2  เมื่อดุสิต  เฉลิมแสน ก้าวออกไ ผู้ที่มารับไม้ต่อคือ  สุรชัย จตุรภัทรพงษ์  กระทั่งสโมสรแต่งตั้งให้ มาโกโตะ เทงูราโมริ  เฮดโค้ชสัญชาติญี่ปุ่น  ซึ่งมีโปรไฟล์ในการร่วมงานกับสโมสรในลีกญี่ปุ่น  เข้ามารับไม้ต่อในบทบาทหัวหน้าผู้ฝึกสอน  มีผลตั้งแต่ม.ค. 65  ซึ่งบีจีปทุมยูไนเต็ด ในยุคของโค้ชญี่ปุ่น  คือ 8 เกม ชนะ 7 เสมอ 1 พาต้นสังกัดจบอันดับสองของไทยลีกฤดูกาล 2022/23  จ่าฝูงคือบุรีรัมย์ยูไนเต็ด

 

 

 

ส่วนเข้าสู่ฤดูกาล 2022/23 คือ  ผลงานของเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น คือการพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ ไดกิ้น ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์คัพ 2022    โดย เอาชนะบุรีรัมย์  ยูไนเต็ด และผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2022  ส่วนผลงานในไทยลีก ก่อนแยกทางหรือถูกปปลดจากทีมคือ  10 นัด ใน ไทยลีก ชนะ 5 นัด เสมอ 2 นัด และแพ้ 3 นัด  อยู่อันดับ 7 ของตาราง

 

บีจีปทุมยูไนเต็ด แพ้ให้กบ โปลิศเทโร เอฟซี 1-2   ตกรอบเอฟเอคัพ

 

• ภายใต้กุนซือคนใหม่ 10 นัด แพ้ 6

 

กระทั่งภารกิจในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน บีจีปทุมยูไนเต็ด ถูกส่งต่อไปยัง  แมทธิว สมิธ หรือ แมตต์ สมิธ   เฮดโค้ชสัญชาติออสเตรเลีย  และเคยร่วมงานกับทีมในฐานะนักฟุตบอลตำแหน่งกองหลังของทีมบีจีปทุม ยูไนเต็ด   และการเริ่มงานอย่างเต็มตัวกับเกมนัดที่ 12 ของฤดูกาล   ผลงานในการคุมทีมบีจีปทุมยูไนเต็ด ของ สมิธ คือ  ออกไปชนะ นครราชสีมามาสด้า  เอฟซี 0-4   ตามด้วย

 

 

 

เปิดบ้านแพ้สุโขทัยเอฟซี 0-1 , ออกไปแพ้ราชบุรี เอฟซี 3-0 , เปิดบ้านชนะลีโอเชียงรายยูไนเต็ด 3-1 ,ออกไปแพ้การท่าเรือ  เอฟซี 2-1 ,ออกไปเสมอ โปลิศเทโร  เอฟซี 0-0 ,เปิดบ้านแพ้ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด 0-2 ,ออกไปแพ้ ลำพูนวอริเออร์ 3-0 ,เปิดบ้านชนะ พีทีประจวบ เอฟซี 2-1 ,ออกไปแพ้ให้กับเมืองทองยูไนเต็ด 1-0  และเกมล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 1 มี.ค. คือการเปิดบ้านแพ้ให้กับโปลิศเทโร เอฟซี1-2 ในฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบ 8  ทีม ส่วนฟุตบอลถ้วยรายการ รีโว่ลีกคัพ  บีจีปทุมยูไนเต็ด อยู่ในรอบ 4  ทีม สุดท้าย 

 

 

 

หากสรุปผลงานในไทยลีก ภายใต้การกุมบังเหียนของ แมทธิว สมิธ หรือ แมตต์ สมิธ  คือ 10  นัด ของการชนะ 3  เสมอ 1 แพ้ 6   รั้งอันดับ 8  ของตาราง จากการแข่งขัน 21  นัด  ( 30  นัด จบฤดูกาล) จุดเปลี่ยนที่อาจจะมีผลต่อระยะเวลาของการทำงานของ แมทธิว สมิธ ให้สิ้นสุดลงก็คือ การเปิดบ้านแพ้ให้กับ โปลิศเทโรเอฟซี  ในฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพรอบ 8  ทีม แข่งขันไปเมื่อวันพุธที่ 1  มี.ค.  

 

• ดวล"หนองบัวพิชญเอฟซี"คำตอบเดียวต้องชนะ

 

การแพ้ในบ้าน และแพ้ภายใต้เงื่อนไขที่ทีมเจ้าบ้านออกนำก่อน  ล้วนมีผลมาถึงสถานการณ์ต่อการดำรงอยู่บนเก้าอี้หัวหน้าผู้ฝึกสอน  การมองไปที่เกมนัดประจำวันอาทิตย์ที่ 5 มี.ค. ด้วยการเปิดบ้านพบกับ "หนองบัวพิชญเอฟซี" เป็นเหมือนกับการรับรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น  การประกาศล่วงหน้าของเฮดโค้ช บีจีปทุมยูไนเต็ด ที่จะต้องเอาชนะหนองบัวพิชญเอฟซี ทีมในโซนตกชั้น ( อันดับรั้งท้าย :16 )   คือการเดิมพันอนาคตตัวเองอย่างแท้จริง 

 

 

 

ปัจจัยที่ทำให้บีจีปทุมยูไนเต็ด อยู่ระหว่างการหาสมดุลย์ก็คือ การจัดขุมกำลังในสไตล์ของ แมทธิว สมิธ  ด้วยการ  ปล่อยผู้ตัวเล่นออกไปจากทีม ทั้ง   ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ ,วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ไปอยู่กับการท่าเรือ เอฟซี   เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์  ไปร่วมงานกับ เมืองทองยูไนเต็ด  หรือแม้แต่ ฉัตรชัย บุตรพรม  ผู้รักษาประตูดีกรีทีมชาติไทย ที่ต้องย้ายออกจากทีมไปร่วมงานกับ พีทีประจวบ  เอฟซี   ถูกเชื่อมโยงไปว่านี่คือเงื่อนไขที่ทำให้ "บีจีปทุมยูไนต็ด"  ภายใต้โครงสร้างขุมกำลังชุดใหม่   อยู่ในสถานการณ์หาตัวเองไม่เจอ  

 

 

 

ฤดูกาลนี้  "บีจีปทุมยูไนเต็ด" ในเส้นทางสร้างผลงานด้วยตำแหน่งแชมป์  เหลือเพียงรายการรีโว่ลีกคัพ เท่านั้น  ในขณะที่การทำผลงานเพื่อที่จะไปถึงแชมป์ไทยลีก น่าจะเป็นงานในแบบเข็นครกขึ้นภูเขา   อย่างไรก็ตามความอดทนที่สำคัญคือ ความอดทนที่มาจากทางสโมสรว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่   ต่อการฝากชะตากรรม"บีจีปทุมยูไนเต็ด" ให้อยู่ในกำมือของ "แมทธิว สมิธ"  หรือถึงคราวที่จะต้องเปลี่ยนแปลงโค้ชเป็นครั้งที่สาม 

 

แมทธิว สมิธ หรือ แมตต์ สมิธ  เฮดโค้ชบีจีปทุมยูไนเต็ด ที่กำลังประสบปัญหาในการพาทีมทำผลงาน

.

ขอขอบคุณภาพ จากสโมสรบีจีปทุมยูไนเต็ด