"เช็กภาษีคืน 2566" ช่องทางไหนบ้าง และมีวิธีการตรวจสอบอย่างไร หลังจากยื่นภาษีแล้ว ซึ่งการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 ประจำปี 2565 แบบเอกสาร จะหมดเขตลงในวันที่ 31 มีนาคม 2566 ส่วนการยื่นภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ทำได้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2566 หากพ้นกำหนดดังกล่าว จะต้องเสียค่าปรับอาญาไม่เกิน 2,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1.5
ซึ่งนอกจากที่สรรพากรจะอนุญาตให้ยื่นภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ว สรรพากรยังอนุญาตให้เช็กสถานะการขอคืนภาษีได้ด้วยตัวเองผ่านทาง 3 ช่องทางด้วยกัน
ช่องทางการเช็กภาษีคืน 2566
1. เว็บไซต์ของกรมสรรพากร
ช่องทางแรกที่ทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วก็คือ ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร คลิกที่นี่
- เข้าไปที่ "ตรวจสอบข้อมูลทางภาษี (e-Refund)"
- กรอกข้อมูลเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และข้อมูลอื่น ๆ ตามที่เว็บไซต์ให้กรอก
- กด "สอบถาม" ระบบก็จะแสดงรายละเอียดให้เราได้ตรวจสอบ
2. Call Center
หากใครไม่สะดวกตรวจสอบออนไลน์ จะโทรไปถาม Call Center ของสรรพากร เพื่อขอตรวจสอบก็ได้ โดยสามารถโทรไปสอบถามได้ที่เบอร์ 1161 ซึ่งเป็นเบอร์ของศูนย์บริการข้อมูลสรรพากร (RD Call Center)จากนั้นแจ้งเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขบัตรประจำตัวประชาชน)
3. สำนักงานสรรพากรในพื้นที่
ใครที่ยื่นภาษีด้วยการส่งเอกสารกับสำนักงานสรรพากรในพื้นตามภูมิลำเนา และอยากขอตรวจสอบสถานะขอคืนเงินภาษี ก็สามารถเข้าไปตรวจสอบสถานะได้ที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ตามภูมิลำเนาที่เรายื่นภาษีได้เลย
4. SMS จากกรมสรรพากร
แจ้งสถานะการคืนภาษีทางหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หากไม่มีเอกสารต้องตรวจสอบ หรือ ผ่านแล้ว จะได้รับเงินคืนภายใน 3 วันผ่านระบบพร้อมเพย์ จะเร็วที่สุด
กรณียังไม่ได้รับคืนเงินภาษี
เมื่อยื่นภาษีแล้ว สรรพากรจะดำเนินการตามคำร้องขอคืนภาษีให้ตามขั้นตอน ซึ่งสรรพากรก็อาจจะมีการเรียกขอดูเอกสารเพิ่ม แต่หากผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้คืนเงินภาษี ซึ่งโดยมากมักเกิดขึ้นกับกรณีที่เลือกรับเงินคืนเป็นเช็ค อาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ หรือเหตุผลอื่น ๆ ซึ่งสรรพากรก็เปิดโอกาสให้ขอรับเช็คใหม่ได้ โดยสามารถยื่นเรื่องกับสำนักงานสรรพากรในพื้นที่ ที่สำคัญคือ อย่าลืมเตรียมเอกสารยื่นขอรับเช็คไปด้วย โดยเอกสารที่ต้องใช้แบ่งออกเป็น 2 กรณีด้วยกัน คือ
- กรณีผู้ขอคืนภาษีไปยื่นเรื่องเอง ใช้ บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมกับสำเนาของผู้ยื่นขอคืนภาษี
- กรณีผู้ขอคืนภาษีไปเองไม่ได้ และต้องการให้คนอื่นไปดำเนินการแทน ให้เตรียมเอกสารดังนี้
- หนังสือมอบอำนาจ
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้ขอคืนภาษี (ผู้มอบอำนาจ)
- บัตรประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนาของผู้รับมอบอำนาจ
ได้เช็คเงินคืนภาษีไม่ตรงกับที่ปรากฏบนเว็บไซต์กรมสรรพากร
ในกรณีที่สรรพากรจ่ายเช็คเงินคืนภาษีมาแล้ว แต่ยอดเงินที่ได้ไม่ตรงกับที่ปรากฏบนเว็บไซต์กรมสรรพากร อาจเกิดจากการที่ผู้ขอคนภาษียื่นแบบมากกว่า 1 ฉบับ ทำให้ตัวเลข หรือยอดเงินที่ได้คืนมีความคลาดเคลื่อน ซึ่งอาจจะได้เงินคืนลดลง หรือเพิ่มขึ้น แล้วแต่กรณีไป ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ให้ดำเนินการติดต่อกับสำนักงานสรรพากรในพื้นที่ เพื่อทำการคืนเช็ค พร้อมตรวจสอบและแก้ไขเช็คให้ถูกต้องต่อไป
ขึ้นเช็คไม่ได้ เช็คหาย หรือธนาคารไม่รับเช็ค
หากได้รับเช็คเงินคืนภาษีมาแล้ว แต่เกิดทำเช็คหาย หรือชื่อ-นามสกุลในเช็คผิดพลาด ไม่ตรงกับชื่อจริง หรือเช็คมีอายุเกิน 6 เดือน ซึ่งอาจทำให้ธนาคารปฏิเสธไม่รับเช็ค หรือเอาเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ สามารถเข้าไปยื่นคำร้องขอรับเช็คใหม่ได้ โดยเดินเข้าไปติดต่อที่สรรพากรในพื้นที่ เพื่อทำการยื่นคำร้อง พร้อมกับเตรียมเอกสารประกอบการยื่นคำร้อง ดังนี้
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอคืนภาษีพร้อมสำเนา
- หนังสือแจ้งความ (กรณีเช็คสูญหาย)
- ใบเปลี่ยนชื่อ หรือนามสกุล (กรณีชื่อไม่ตรงเพราะเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล)
- หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้ขอคืนภาษี และบัตรประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนาของผู้รับมอบอำนาจ (ในกรณีที่ผู้ขอคือภาษีมอบอำนาจให้ผู้อื่นเป็นผู้ดำเนินการแทน)
ไม่เห็นด้วยกับยอดเงินคืนภาษีที่ได้รับ
กรณีที่ยื่นขอคืนเงินภาษีไปแล้ว และได้ทราบยอดเงินคืนภาษี แต่พบว่ายอดคืนภาษีไม่ตรงกับยอดที่ยื่นไปที่ควรจะได้รับ และไม่เห็นด้วย สามารถแย้งเรื่องนี้ได้ ผ่านการอุทธรณ์กับกรมสรรพากร โดยให้จัดทำหนังสืออุทธรณ์ ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด พร้อมกับแนบเอกสารประกอบเพื่อเป็นหลักฐาน ซึ่งทั้งหมดนี้ จะต้องทำการอุทธรณ์ภายในระยะเวลา 15 วัน หลังจากได้รับหนังสือ ค.30
ยื่นภาษีไม่ทัน ทำอย่างไร
หากยื่นไม่ทันทั้งแบบกระดาษ และ ออนไลน์ ให้ไปยื่นได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา เอกสารที่ต้องเตรียม ดังนี้
- แบบฟอร์ม ภ.ง.ด.91 หรือ ภ.ง.ด.90
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
- เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษี เช่น หนังสือรับรองการจ่ายเบี้ยประกันชีวิต หนังสือรับรองการจ่ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฯลฯ เอกสารยืนยันสิทธิค่าลดหย่อนบิดามารดา (ใบ ล.ย. 03)
- เงิน หากมีภาษีต้องชำระ จะถูกคิดเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน เศษของเดือนคิดเป็น 1 เดือน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง