ข่าว

แนวคิดผู้นำพรรคการเมืองต่อ'เศรษฐกิจ'ก้าวนำโลก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'วราวุธ'แนะพัฒนาชาติ ต้องสร้างความหวัง ดูแลสวัสดิการประชาชนทั่วถึง 'จุรินทร์'จี้เร่งทำการตลาดนำการผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ส่วน'กิตติรัตน์'วอนนักธุรกิจ อย่าตกใจนโยบายค่าแรง ลั่นจะเพิ่มรายได้ให้เร็วกว่าค่าครองชีพ

การเสวนา อนาคตประเทศไทย Economic Drives เศรษฐกิจไทย...สตาร์ทอย่างไรให้ก้าวนำโลก ที่จัดโดย Post Today 

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมและหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เล่าประสบการณ์จากการที่ทำงานในฐานะรัฐมนตรีมา 3ปี เชื่อมั่นว่าการที่ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าได้ ต้องมั่งคงและยืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ ซึ่งประเทศไทยโชคดีมีทรัพย์ในดิน สินในน้ำ มีความอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินไทย เราจะต้องแปรสภาพเหล่านี้ให้กลายมาเป็นเงินในกระเป๋าของเกษตรกรและปั่นเศรษฐกิจให้ไปจนถึงตลาด SME ระดับชาติ ระดับนานาชาติ นี่คือ ความมั่งคั่งที่ประเทศไทยจะต้องมีรวมถึงต้องสร้างโอกาสความหวังให้กับคนทุกรุ่นไม่ใช่เฉพาะรุ่นใดรุ่นหนึ่ง เมื่อมีความหวังแล้ว การดูแลสวัสดิการสังคมจะต้องทั่วถึง จึงเป็นนโยบายของพรรคที่ชู 10 ข้อ คือ
-รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่พรรคเคยทำสำเร็จมาแล้ว เมื่อ 2540 เพื่อตอบสนองโลกปัจจุบัน
-งบลงทุนท้องถิ่น 10 ล้านบาท เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ 
-สร้างงานสร้างรายได้แก่ผู้สูงอายุ เบี้ยคนพิการเดือนละ 3,000 บาท 
-สุขภาพดีมีเงินคืน 3,000 บาท-สวัสดิการอัปเกรดได้
-เรียนในสิ่งที่ใช่ ใช้ในสิ่งที่เรียน
-เกษตรรุ่นใหม่ ขายคาร์บอนเครดิตได้ ซึ่งนำร่องที่จังหวัดสุพรรณบุรีมาแล้ว
-แจกพันธุ์ข้าวฟรีทั่วประเทศ 60 ล้านไร่
-ขยายเขตไฟฟ้าการเกษตรทั่วประเทศหน่วยละ 2 บาท
-ระบบบาดาลขนาดใหญ่ทุกตำบล น้ำสะอาดทุกหมู่บ้าน
-ขนส่งมวลชน เข้าถึง เท่าเทียม

นี่คือแนวทางที่เราจะพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยให้มีความยั่งยืน ไม่ใช่มาลดแลกแจกแถม ไม่ใช่ไปแจกให้สิ่งนั้นสิ่งนี้ฟรีๆ อยากได้อะไรคุณต้องทำงานและจะต้องมีความยั่งยืน ในการที่จะพัฒนาประเทศต่อไปข้างหน้า เพราะเราไม่สามารถทำเศรษฐกิจให้เป็นเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้วเราจะต้องคำนึงไปถึงแนวแนวคิดเรื่อง SCGและESC กลับเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชูนโยบาย "สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ" นำไทยตรงใจโลก โดยเสนอ 3 ประการ

ประการที่หนึ่ง การพัฒนาเศรษฐกิจต้องเดินไปด้วยกันทั้งรัฐและประชาชน โดยเฉพาะยึดหลัก รัฐหนุน เอกชนนำ
ประการที่สอง คนที่จะมาบริหารประเทศจะต้องทำหน้าที่เซลล์แมนของประเทศ ปรับบทบาทพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ 
ประการที่สาม รัฐบาลต้องซื่อสัตย์สุจริต ไม่เช่นนั้นประเทศไปไม่รอด นโยบายประชาธิปัตย์ชัดเจน "สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ" เพราะทั้ง 3 ส่วนสัมพันธ์กัน สร้างเงินแต่ไม่สร้างคน คนก็หาเงินไม่ได้ คนไม่มีศักยภาพ ก็รักษาเงินไว้ไม่ได้ ทั้งคนทั้งเงิน ต้องไปด้วยกันจึงจะสามารถสร้างชาติได้ หากทำลายชาติเราก็เห็นอยู่ว่า สุดท้ายประเทศชาติจะเป็นอย่างไร 

ส่วนนโยบายตรงใจตลาดโลก ต้องใช้ "ตลาดนำการผลิต" ต้องนำทั้งการผลิตสินค้า บริการและซอฟพาวเวอร์ ด้านการผลิตที่ต้องทำคือ ปรับคุณภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งเกษตรอุตสาหกรรม เอสเอ็มอี บริการ โลจิสติกส์หรือทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง 

สุดท้ายต้องเร่งเจาะตลาดที่มีศักยภาพในภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ตลาดสำคัญที่เติบโตได้ดี 1.ตะวันออกกลาง 2.เอเชียใต้ 3.CLMV การทำข้อตกลงทางการค้าเพื่อเพิ่มเติมต่อทางการตลาด FTA คือสิ่งที่ต้องทำ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.กระทรวงพาณิชย์

นาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย พูดถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ของพรรคที่เคยนำเสนอและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งปัจจุบันจะต้องให้ความสำคัญกับคำว่า "ผลิตภาพ" เพราะอดีตพรรคเพื่อไทยเคยปรับขึ้นค่าแรงสำเร็จมาแล้ว จาก 215 บาทเป็น 300 บาท ครั้งนี้ก็เช่นกันให้ความมั่นใจกับท่านทั้งหลายว่า เมื่อค่าแรงเพิ่มขึ้น คุณภาพการผลิตก็เพิ่มขึ้น สิ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญคือให้ความสำคัญกับ 3 ส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การส่งออก ท่องเที่ยว , อุปโภคบริโภคในประเทศ , การลงทุนภาคเอกชน 

"ที่พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายเพิ่มค่าแรง หวังว่า นักธุรกิจจะไม่ตกใจมาก เพราะไม่ได้บอกว่าจะทำทันที ท่านเห็นแรงกดดันแล้วว่า ขณะนี้จะหาคนมาทำงานในอัตราผลตอบแทนที่เคยทำอยู่นั้นยากขึ้นในช่วงที่ค่าครองชีพที่สูงขึ้น หากตรงนี้ขยับรายได้ ให้ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ก็จะไปบีบเอาความสามารถในการชำระหนี้ลดลงและคุณภาพชีวิตลดลง เรามีความจำเป็นที่จะต้องดูแลเรื่องรายได้ให้ดีและหวังว่าจะเพิ่มรายได้ให้เร็วกว่าค่าครองชีพที่ขึ้นซะด้วยซ้ำ"

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า เพื่อไทยทำงานหนักในเรื่องของการที่จะเพิ่มผลิตภาพในทุกๆภาคส่วน ทั้งอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม เกษตรกรรม การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ การเพิ่มผลผลิตต่อชั่วโมง การที่จะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจะเป็นโจทย์ในอนาคต มิเช่นนั้น ไม่ว่าจะภาคใดๆก็ตาม จะไม่สามารถเพิ่มรายได้ให้กับบุคคลที่มีกำลังซื้อ เรามุ่งที่จะทำงานร่วมกันกับนโยบายการเงิน อยากเห็น คือ เงินฝากกับเบี้ยสูงขึ้น เงินกู้ดอกเบี้ยลดลง ดังนั้นถัดจากคำว่า ผลิตภาพ คือ ความพอดี 

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ