จับตาจ่ายเงินซื้อ 'โรงแรมดาราเทวี' 3.59 พันล้าน หลังเจ้าเก่าชนะการประมูล

เรื่องราวการซื้อขาย 'โรงแรมดาราเทวี' เริ่มตั้นขึ้นมาตั้งแต่ปี 2563 ที่มีกาiประท้วงของกลุ่มพนักงานกรณีที่ไม่ได้รับเงินเดือน จากนั้นโรงแรมได้ประกาศปิดกิจการชั่วคราว  พร้อมทั้งตัดสินใจเลิกจ้างพนักงาน เข้าสู่การขายทอดตลาด ในวันที่ 18 ก.พ. 2564 จนนำมาสู่การประมูลราคาครั้งที่ 1 ในวันที่ 24 ธันวาคม 2565 ซึ่ง  บ.I thermal เคาะจบที่ราคา 2,012 ล้านบาท  วางมัดจำที่ 110 ล้านบาท

 

 

แต่ปล่อยให้โดนยึดเงินมัดจำไปเพราะไม่มีเงินมาชำระตามกำหนด และการประมูลครั้งที่ 2 ในวันที่ 27 มกราคม 2566 ที่เคาะราคาทั้งหมด 69 ครั้งจบราคาที่ 3,590 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่น่าจับตามองว่าจะมีการชำระเงินได้ตามกำหนดหรือไม่

 

นาวสาวเยาวลักษณ์  ฤิทธิสมจิตต์ ตัวแทนผู้ถือหุ้น บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC  กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า สำหรับการเข้าประมูลราคา 'โรงแรมดาราเทวี' ในครั้งที่ 2  ที่บริษัท อินเตอร์ฟาร์อีสท์ ทเอมอล พาวเวอร์ จำกัด หรือ I thermal  บริษัทลูกของ IFEC เป็นผู้ชนะการประมูล ว่า การประมูลราคาจากการขายทอดตลาด 'โรงแรมดาราเทวี' ในวันที่ 27 มกราคม 2566 ที่ผ่านมาเป็นการประมูลราคาที่สูงมากขึ้นกว่า 80% จากราคาเดิมที่เคยมีการประมูลไปในครั้งแรก โดยมีการเคาะราคาไปมากถึง 69 ครั้ง จบราคาที่ 3,590 ล้านบาท วางเงินประกันที่ 150 ล้านบาท (จากราคามัดจำ 220 ล้านบาท) เนื่องจาก I thermal  เป็นเจ้าหนี้ของ ดาราเทวี จึงใช้จำนวนหนี้สิน 700 ล้านบาทหักลบไป ราคาดังกล่าวเป็นราคาจากเริ่มต้นราคา 2,012  ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาเดิมที่ I thermal  ประมูลไปเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2566

โดยในการประมูลนั้นมีบริษัทที่เข้าร่วมด้วยหนึ่งบริษัทคือกลุ่มบริษัทเมฆสวัสดิ์ ซึ่งในการระหว่างประมูลมีการตั้งข้อสังเกตว่า การยกราคาประมูลแต่ละครั้งเป็นการยกราคาประมูลจำนวนที่สูงผิดปกติ จนในที่สุด บ.I thermal  ก็ชนะการประมูล 'โรงแรมดาราเทวี' ในครั้งที่ 2 ไป และในวันที่ 13 ก.พ. 2566 จะครบกำหนด 15 วัน ที่ บ.I thermal จะวางเงินค่าซื้อทรัพย์สินย์จากการประมูลการขายทอดตลาด กับกรมบังคับคดีจังหวัดเชียงใหม่ จำนวนเงิน 3,590 ล้านบาท ซึ่งทางผู้ถือหุ้นเห็นว่า บ.I thermal ไม่มีเงินที่จะมาชำระส่วนที่เหลืออย่างแน่นอน และจะมีการใช้วิธีร้องขอศาลแพ่งให้ขยายระยะเวลาการชำระเหมือนการประมูล 'โรงแรมดาราเทวี' ครั้งที่ผ่านมา  ซึ่งถือว่าเป็นการใช้สิทธิ์ทางกฎหมายที่ไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากในกาประมูลแต่ละครั้งบริษัทจะต้องมีการเตรียมความพร้อมทางการเงินในการเข้าซื้อทรัพย์สิน แต่สิ่งที่ บ.I thermal กำลังทำอยู่นั้นเป็นการวางเงินเพื่อยื้อระยะเวลาออกไปจนกว่าจะเกิดความสียหายต่อทรัพย์สิน

 

 

ทั้งนี้ทางผู้ถือหุ้นทุกคนกำลังจับตาดูว่าในวันที่ 13 ก.พ. 2566 ที่จะถึงนี้ทาง บ. I thermal จะมีเงินมาชำระให้แก่กรมบังคับคดีหรือไม่ หากไม่มีเงินมาชำระเชื่อว่า I thermal  จะต้องใช้วิธีการเดิมคือการขอยื่นขยายเวลาการชำระเงินออกไปก่อน โดย

นายประสิทธิ วงศ์ศาสวัสดิ์ ทนายความ  กล่าวว่า หากในวันที่ 13 ก.พ.นี้ บริษัท I Thermal   ไม่สามารถชำระเงินประมูลส่วนที่เหลือ ได้  ในมุมของกฎหมาย เจ้าหนี้ หรือบุคคที่มีส่วนได้เสียจากการซื้อขายครั้งนี้ ถ้าเจ้าพนักงานคดีมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายได้ระยะเวลาในการวางเงินตามที่ร้องขอ ผู้มีส่วนได้เสียต้องมีการยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้เพิถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานคดี ในส่วนของผู้ถือหุ้นที่ได้มีการเข้าร่วมและได้ให้อำนาจในการฟ้องร้องแทนผู้หุ้นอื่นๆ มีจำนวน 50 ราย มูลค่าสัดส่วนหุ้นอยู่ที่กว่า 100 ล้านบาท

 

 

อย่างไรก็ตามหากบ. I thermal สามารถชำระเงินได้ตามกำหนดก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดีทั้งกับบริษัทโดยบริษัทก็จะมีเงินส่วนแบ่งหนี้กลับเข้ามาที่บริษัท I thermal  เกือบ 2,000 ล้านบาท และผู้ถือหุ้นทุกคนก็จะสามารถทำการซื้อขายหุ้นในตลาดต่อไปได้    

 

ประเด็นความสามารถในการชขำระเงินค่าประมูล 'โรงแรมดาราเทวี' ของ  บ.I thermal ในรอบนี้นั้น ถูกจับตาและมีการตั้งคำถามมากมาย เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า สถานะของ  IFEC และ  I thermal  เรียกได้ว่าแทบจะอยู่ในสถานะล้มละลายแล้ว ดังนั้นการเข้าประมูล 'โรงแรมดาราเทวี' ในครั้งนี้ ถูกจับตามองว่าเป็นการ ลับ ลวง พราง ของผู้บริหาร IFEC หรือไม่ โดย นางสาวเยาลักษณ์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า คณะกรรมการบริษัท IFEC ไม่ได้ตัดสินใจอย่างระมัดระวัง ในการปล่อยให้  บ.I thermal เข้าประมูล โรงแรมดาราเทวีครั้งที่ 2  อีกทั้งบริษัทไม่มีความพร้อมทางการเงินที่จะชำระเงินแก่กรมบังคับคดี  รวมไปถึงไม่มีการพิจารณาศักยภาพของผู้ร่วมลงทุนและไม่มีสัญญาร่วมทุน การหาบริษัทร่วมทุนมีข้อน่าสงสัยอย่างมาก เนื่องจากบริษัทที่ทางผู้บริหารแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์คือบริษัทดาราแลนด์ และบ.เชียงใหม่ซีเอ็มมีรายได้แค่ 75 สตางค์เท่านั้น  นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสงสัยด้วยว่าทำไม  บ.I thermal ถึงกล้าสู่ราคาประมูลที่สูงมากกว่าครั้งเดิมถึง 1,600 ล้านบาท จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าหากมีเงินมาชำระกรมบังคับคดีจะเป็นเงินที่มาจากกลุ่มทุนสีเทาหรือไม่

 

 

อีกหนึ่งตัวละครสำคัญในการเข้าประมูลราคา 'โรงแรมดาราเทวี' ในครั้งนี้จะเป็นในไม่ได้นอกจาก กลต. ซึ่งแน่นอนว่า การที่ปล่อยให้  บ.I thermal เข้าประมูลราคาได้ครั้งที่ 2 นั้นมีการตั้งคำถามว่าทำไมจึงไม่มีการประเมินราคาของ โรงแรมดาราเทวี จากผู้ประเมินอิสระ ที่กลต.ให้การรับรอง อีกทั้งไม่มีความเห็นจากที่ปรึกษาด้านการเงินหรือ FA เพราะตามระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว บริษัทมหาชน จะต้องมีการยื่นข้อคิดเห็นจาก FA แก่ กลต.ก่อนจึงจะสามารถประมูลราคาได้ ซึ่ง  บ.I thermal ไม่ได้ปฏิบัตตามกฎเกณฑ์ของ สำนักงาน กลต.และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

 

สำหรับมหากาพย์การซื้อขาย โรงแรมดาราเทวี นั้น จะต้องมีการจับตาต่อไปว่าจะจบที่รูปแบบไหน จะเกิดการประมูลซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปมา หรือจะหาผู้เข้าซื้อกิจการต่อไปได้ หรือนี้จะเป็นเพียงแค่เกมการยื้อเวลาของบ. IFEC เพื่อไม่ให้บริษัทเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย และเข้าสู้แผนฟื้นฟูเท่านั้น เพราะดูเหมือนว่า 'โรงแรมดาราเทวี' จะเป็นทรัพสินย์เพียงชิ้นเดียวที่บริษัทมีอยู่เท่านั้น