"นอท กองสลากพลัส" เปิดหลักฐานแจงเส้นทางเงิน ย้ำชัดไม่เกี่ยวฟอกเงิน
"นอท กองสลากพลัส" โพสต์หลักฐานชี้แจงเส้นทางเงิน 39 รายการ มูลค่ากว่าพันล้าน ยืนยันไม่เกี่ยวข้องขบวนการฟอกเงิน
27 ม.ค.2566 ความคืบหน้ากรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกหมายเรียก นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส เข้าชี้แจงรายละเอียดเส้นทางการเงิน 39 เส้นทาง มูลค่ากว่าพันล้านบาท
หลัง ดีเอสไอ ตรวจสอบพบว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่มาจากธุรกิจผิดกฎหมายและอาจเข้าข่ายฟอกเงิน ซึ่งวานนี้ (26 ม.ค.2566) นายพันธ์ธวัช มอบหมายให้ นายศุภชัย ทิพย์สิทธิ์ ทนายความ นำเอกสารเข้าชี้แจงต่อผู้อำนวยการศูนย์คดียาเสพติด ดีเอสไอ
ล่าสุด นายพันธ์ธวัช หรือ นอท กองสลากพลัส โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่ามอบหมายให้ทนายความนำเอกสารเส้นทางการเงินไปมอบให้พนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ตามที่นัดหมายแล้ว แต่ยังมีเอกสารบางส่วน ที่ยังไม่ได้จากธนาคาร และที่จะนำไปมอบเพิ่มเติมหลังจากธนาคารทำสำเนาส่งมาให้
นายพันธ์ธวัช ยังได้ระบุว่า เส้นทางเงิน 39 เส้น จะแบ่งเป็น
ฝาก 27 ครั้ง 600 ล้าน
ถอน 12 ครั้ง 400 ล้าน
โดยเงินที่เข้าบัญชีจะแบ่งเป็น
1. เงินกู้จากบุคคลต่าง ๆ 240 ล้าน
2. เงินที่ได้จากการขายฝากบ้าน-คอนโด 102 ล้าน
3. เงินที่โอนหมุนเวียน ในบัญชีตนเอง เพื่อใช้ในการซื้อลอตเตอรี่ 330 ล้าน
4. เงินที่ให้เพื่อนและบุคคลภายนอกยืม 20 ล้าน
โดยเอกสารทั้งหมด เป็นการยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
ต่อมา นายพันธ์ธวัช หรือ นอท กองสลากพลัส ได้ชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางเงิน 2 เส้นทางแรก จำนวน 42 ล้านและ 11 ล้าน โดยระบุว่า
คำชี้แจงเส้นเงิน 2 เส้นแรก 42 และ 11 ล้าน
เดือนกรกฎาคม 2564 ผมต้องการเงินทุนจำนวนหนึ่ง หลังจากที่ผมขายฝากบ้าน คอนโด และรถไปจนหมดแล้ว ผมได้รู้จักนายหน้าเงินกู้หลายคน นายหน้าเงินกู้คนนึงได้พาผมไปหานายทุนกลุ่มหนึ่ง นายทุนทำท่าว่าจะสนใจลงทุน โดยมีข้อแม้ว่าจะขอดูขั้นตอนต่างๆ ในการทำงานทั้งหมด รวมถึงการขึ้นเงินรางวัล
โดยทางฝั่งนายทุนได้ส่งนาย อ. (อรรถกานต์) มาเป็นตัวแทนในการขึ้นเงินรางวัล ในวันที่ 3-6 สิงหาคม 2564 ผมได้ทำสัญญามอบอำนาจ และมอบสลากถูกรางวัลจำนวน 11,481 ใบ ให้นาย อ. ไปขึ้นเงินรางวัลที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยให้เลขาผมพาไป และผมให้เลขาพานาย อ. ไปขึ้นทะเบียนเป็นผู้รับซื้อรางวัลของ สนง.สลาก ให้ถูกต้องตามขั้นตอนด้วย หลังจากนาย อ. นำสลากขึ้นเงินรางวัลเรียบร้อย นาย อ. ได้เช็คจาก สนง.สลากมา 2 ยอด คือ
1. ยอด 42,381,030
2. ยอด 11,207,690
หลังจากนาย อ. ได้เช็คจาก สนง.สลาก แล้ว นาย อ. ได้นำเช็คทั้งสองใบมาที่ธนาคารกรุงไทย สาขา สนง.สลากกินแบ่งรัฐบาล
นาย อ. ได้เปลี่ยนเช็คจากชื่อของตัวเอง เป็นเช็คสั่งจ่ายในชื่อผม 2 ยอดซึ่งเท่ากันกับที่สนง. สลากจ่ายให้นาย อ. คือ
1. ยอด 42,381,030
2. ยอด 11,207,690
แต่นาย อ. ไม่สามารถเอาเงินเข้าเช็คให้ผมได้ เพราะบัญชีธนาคารของผมเป็นบัญชี ธนาคารกสิกรไทย
เนื่องจากติดเสาร์-อาทิตย์ นาย อ.จึงจำเป็นต้องเอาเช็คเข้าให้ผมในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ช่วงบ่าย
สุดท้ายกว่าเช็คจะเคลียร์ริ่งให้ผมข้ามวัน ทำให้เงินทั้ง 2 ยอดเข้าบัญชีผมในวันที่ 10 สิงหาคม 2564
หลังจากที่ทดลองระบบแล้วเราไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากนายทุนมองว่าความเสี่ยงมันสูงเกินไป ดีลนี้จึงจบแค่นี้ ผมยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
สำหรับคำถามที่ว่าทำไมผมถึงไว้ใจให้นาย อ. เอาเงินไปขึ้นคำตอบคือ
1. ผมต้องการเงินทุนมากเพราะต้องการซื้อลอตเตอรี่มาขาย เลยจำเป็นต้องยอม
2. เลขาผมอยู่ด้วยตลอดเวลาจนเปลี่ยนเช็คเป็นชื่อผม
สามารถดูผังที่ผมทำในรูปเพื่อความเข้าใจได้ครับ
ส่วนกรณีที่ นาย อ. ซึ่งเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ปฏิเสธไม่รู้จักนายพันธ์ธวัช เนื่องจาก นาย อ. ที่นักข่าวไปถามคือ อ. อ๊อด ไม่ใช่ อ. ที่ตนรู้จักนักข่าวถามผิดคน
ที่มา เฟซบุ๊ก "นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์"