ข่าว

"นอท กองสลากพลัส" ส่งทนายแจง DSI ปม 39 เส้นทางการเงิน ยันเป็นเงินถูกกฎหมาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"นอท กองสลากพลัส" ส่ง ทนายความ เข้าชี้แจง ดีเอสไอ ปม 39 เส้นทางการเงิน 1,090 ล้านบาท ยันเป็นเงินถูกกฎหมาย นำมาลงทุนในสลากออนไลน์และชี้แจงได้ทั้งหมด

วันนี้ (26 มกราคม 2566) ที่ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ นายศุภชัย ทิพย์สิทธิ์ ทนายความของ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ "นอท กองสลากพลัส" เข้ายื่นเอกสารหลักฐานเพื่อชี้แจงรายละเอียดเส้นทางการเงิน 39 เส้นทาง มูลค่า 1,090 ล้านบาท ที่ ดีเอสไอ ตรวจพบว่า เป็นเงินที่มาจากธุรกิจผิดกฎหมาย

 

 

โดย นายพันธ์ธวัช หรือ นอท ไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเองและมอบหมายให้ทนายความมาชี้แจงกับ นายพงษธร อินอำนวย ผู้อำนวยการศูนย์คดียาเสพติดดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน

 

โดย นางสาวพิทยาภรณ์ ชูรัตน์ รองโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าทางคดี ว่า วันนี้ นายพันธ์ธวัช ได้ส่งให้ทนายความมาชี้แจงแทน และมอบหลักฐานข้อมูลเส้นทางการเงินดังกล่าวให้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งหลังจากนี้ ก็ต้องตรวจสอบหลักฐานที่ทนายความนำมามอบให้ว่าจะสามารถชี้แจงข้อสงสัยที่พนักงานสอบสวนมีอยู่หรือไม่ และหากยังชี้แจงไม่ชัดเจนก็จะออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลอีกครั้ง และหากการชี้แจงเส้นทางการเงิน 39 เส้นทางที่ นายพันธ์ธวัช ให้ข้อมูลไว้ไปถึงใคร ก็จะมีการเรียกบุคคลนั้นมาชี้แจงเพิ่มเติมด้วย แต่ต้องรอฟังทนายความชี้แจงคำให้การก่อน

 

 

หลังจากให้การนานกว่า 1 ชั่วโมง นายศุภชัย ทนายความของ นายพันธ์ธวัช บอกว่า วันนี้ได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ไปครบถ้วน พร้อมยืนยันว่า เงินจำนวน 39 เส้นทางการเงินที่เข้ามาในบัญชี เป็นเงินมาจากธุรกิจที่ถูกกฎหมาย สามารถชี้แจงได้ทั้งหมด และเป็นเงินที่เข้าออกอย่างปกติ ผ่านเข้ามาในบัญชีของ นายพันธ์ธวัช โดยตรง แต่เป็นเงินก้อนใหญ่จึงต้องมาชี้แจง และเงินทั้งหมดนำมาใช้ในการลงทุนธุรกิจ สลากออนไลน์ ของ กองสลากพลัส 
    

 

ส่วนจะเป็นเงินที่มาจากนายทุนของ นายพันธ์ธวัช หรือไม่ คงต้องรอ ดีเอสไอ ตรวจสอบ และหลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะก็สามารถชี้แจงได้ทั้งหมดแล้ว และไม่ได้กังวลว่า นายพันธ์ธวัช จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย

 

ดีเอสไอ

 

ส่วนอีกหนึ่งคดีของ นายพันธ์ธวัช คือ คดีพิเศษที่ 288/2565 ซึ่งเป็นคดีแรกที่ ดีเอสไอ สืบสวนพบ เส้นทางการเงิน 53 ล้านบาท จากบัญชีม้าเว็บพนันออนไลน์โอนมาให้นายพันธ์ธวัชนั้น รองโฆษกดีเอสไอ ระบุว่า พนักงานสอบสวนได้สอบสวนไปทั้งหมดแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลหลักฐาน คำให้การว่าสอดคล้องกับหลักฐานที่ธนาคารส่งมาให้หรือไม่  แล้วจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ทั้งประเด็นเรื่องของเงิน 53 ล้านที่พบว่ามี บุคคลหนึ่ง ให้นายพันธ์ธวัช นำไปขึ้นเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย

 

 

ทั้งนี้ นายพันธ์ธวัช ยังอยู่ในฐานะพยานจึงยังสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ตามสิทธิเสรีภาพ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถไปจำกัดสิทธิเสรีภาพการเดินทางได้ และหากตรวจสอบพบแล้วมีหลักฐานชัดเจนพบว่ากระทำความผิด ต่อให้ นายพันธ์ธวัช ปฏิเสธก็ต้องดำเนินคดี

 

สำหรับ ข้อมูลเส้นทางการเงินจำนวน 53 ล้านบาท ที่ นายพันธ์ธวัช ชี้แจงไปก่อนหน้านี้ และจะมีการแถลงความชัดเจนจาก ดีเอสไอ ในสัปดาห์หน้านั้น จากการตรวจสอบพบว่า เงินจำนวนนี้ เป็นเงินที่ให้บุคคลคนหนึ่ง ชื่อย่อ อ. ไปขึ้นเงิน สลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ถูกรางวัลรวม 2 ครั้งภายในวันเดียว ครั้งแรก 42 ล้านบาท และ 11 ล้านบาท ซึ่งคนที่ไปขึ้นเงินรางวัล จ่ายเงินเป็นแคชเชียร์เช็คให้กับนายพันธ์ธวัช และขณะนี้ นาย อ. ก็ถูกออกหมายจับ คดีร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ แต่ นาย อ. คนนี้ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งดีเอสไอ ได้รับประสานมาว่าจะเข้ามอบตัวในเร็วๆ ด้วย

 

 

นอท กองสลากพลัส ส่งทนายชี้แจง

 

 

สำหรับการสอบปากคำนานพันธ์ธวัช เรื่องจำนวนเงิน 53 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ม.ค.นั้น พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบว่าค่อนข้างมีความชัดเจน และข้อเท็จจริงชัดเจนแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ต้องให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษร่วมกันประชุม เพื่อลงมติว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายพันธ์ธวัชหรือไม่ ดังนั้น ประชาชนจะได้ทราบผลสรุปเรื่องเงิน 53 ล้านบาท ที่ นายพันธ์ธวัช รับมาจาก "นาย อ." ก่อน ในขณะที่เส้นทางการเงิน 39 รายการยังคงต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและขยายผลต่อไป

 

 

และในคดีเดียวกับจำนวนเงิน 53 ล้านบาทของ นายพันธ์ธวัช ยังมีอีก 7 บัญชี เป็นเงินรวมกว่า 1,000 ล้านบาท ที่ดีเอสไอออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลถึงเส้นทางการเงิน ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ก็ได้มาให้ข้อมูลแล้ว 4 คน มีหนึ่งในนั้นคือ ดีเจกฤษ ส่วนอีก 3 คนไม่มาให้การจึงขอศาลออกหมายจับ และตามจับมาได้แล้ว 1 คน ส่วนอีก 2 คนยังหลบหนี

 

 

โดยในคดีสอบเส้นทางเงิน 53 ล้านบาทของ นายพันธ์ธวัช และกลุ่มธุรกิจร้านอาหารกว่า 1,000 ล้านบาท พนักงานสอบสวนเตรียมสรุปสำนวนคดีส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องคดีภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้ทันภายในกรอบระยะเวลาฝากขังของผู้ต้องหาที่ถูกจับมาได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ