ศาลสั่ง ธนาคาร-ลูกสาว ชดใช้"อาม่าฮวย" 207ล้าน พร้อมดอกเบี้ย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางไปที่ศาลแพ่งพระโขนง เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีที่ นางฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 76 ปี หรือ  "อาม่าฮวย" เป็นโจทก์ฟ้องธนาคารแห่งหนึ่ง และพนักงานของธนาคาร เป็นจำเลยที่1-5 และนางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรคนที่ 2 ของนางฮวย เป็นจำเลยที่6 โดยศาลได้พิพากษาให้ธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง พร้อมด้วยรองผู้จัดการสาขา,พนักงานธนาคาร และนางมาวดี ชดใช้เงิน 207 ล้าานบาทพร้อมดอกเบี้ย

นายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า ศาลได้อ่านคำพิพากษาให้ธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง ชำระเงิน 44,645,676.82 บาท พร้อมดอกเบี้ยจากเงินต้น 33,668,516 บาท ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยนับจากวันฟ้อง (19 พ.ย. 62) จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี โดยนับจากวันฟ้องเช่นกัน พร้อมให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี โดยนับจากวันที่ 11 เมษายน 2564 จนกว่าจะชำระเสร็จ

นอกจากนี้ยังให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 117,097,573.05 บาท พร้อมดอกเบี้ยจากเงินต้น 82,176,281.32 บาท ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยนับจากวันฟ้อง (19 พ.ย. 62) จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 

จำเลยที่4 ร่วมกับจำเลยที่1 และให้จำเลยที่ 6 ร่วมกับจำเลยที่4 ชำระหนี้ข้างต้นจำนวน 34,881,691.72 บาท พร้อมดอกเบี้ยจากเงินต้น จำนวน 82,176,281.32 บาท ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยนับจากวันฟ้อง (19 พ.ย. 62) จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 พร้อมทั้งให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี โดยนับจากวันที่ 11 เมษายน 2564 จนกว่าจะชำระเสร็จ

โดยจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราที่มีพระราชกฤษฎีกาปรับเปลี่ยน เพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี แต่ไม่เกินร้อยละ 7.5 ต่อปีตามขอ

ส่วนพฤติการณ์ จำเลยที่2 จำเลยที่4 และจำเลยที่6 ได้กระทำการละเมิดสิทธิในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเบิกถอนเงิน โดยไม่ได้รับอนุญาต เริ่มต้นเหตุการณ์จากอาม่าฮวยล้มป่วย 

ตรวจสอบแล้วพบว่า นางมาวดี ร่วมกับพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง จำนวน 2 คน เปลี่ยนแปลง ปลอมแปลง ลายมือชื่ออาม่าฮวย เพื่อมอบอำนาจให้นางมาวดี มีสิทธิ์เบิกถอนเงินฝากกระแสรายวัน และกองทุนบัญชีของบริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินกองทุน และยังพบว่ามีการถอนเงินจากบัญชี และสั่งจ่ายเช็ค รวมถึงถอนเงินจากหน่วยลงทุน เข้าไปที่บัญชีของตัวเอง

ทนายอนันต์ชัยฝากไปยังธนาคารทุกแห่ง อย่าไปไว้ใจพนักงานของตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ซ้ำรอยอีก