ข่าว

ย้อนประวัติ ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ หลังโดนเด้งฟ้าผ่า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดประวัติ ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ หลัง รมว. ยุติธรรม ลงนามคำสั่งโยกย้าย จาก อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไป รักษาราชการผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์

เป็นกรณีฟ้าผ่าลงกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่สังคมให้ความสนใจ หลัง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ลงนามในคำสั่งลงวันที่ 18 ม.ค.2566 เรื่อง มอบหมายให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ราชการและรักษาราชการแทน โดยให้ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และให้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และให้รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้การบริหารงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษและสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ

หนังสือคำสั่งโยกย้าย ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์


ในท่ามกลางกระแสข่าว มีการตั้งข้อสังเกตถึงกรณีการสั่งปลดครั้งนี้ ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับกรณี เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษและตำรวจ ร่วมกับตรวจค้นบ้านพักกงสุลใหญ่ของสาธารณรัฐนาอูรู ประจำประเทศไทย ที่มีการระบุว่า ถูกใช้เป็นสถานที่กระทำสิ่งผิดกฏหมายของกลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งต่อมาเกิดข่าวการเรียกรับสินบนร่วม 10 ล้านบาท พร้อมปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมดจนหลบหนีออกนอกประเทศได้
 

ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์

สำหรับประวัติ นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ ชื่อเล่นว่า หมอต้น  เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงชีวิตในวัยเด็กนั้น ได้ติดตามคุณพ่อรับราชการเป็นนายแพทย์ คุณแม่เป็นพยาบาล ชีวิตในวัยเด็กของ นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ เติบโตในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามการโยกย้ายของคุณพ่อ ทั้ง ยะลา ปัตตานี นราธิวาส นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ เรียนจบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รหัส 2526  จากนั้นทำการศึกษาต่อจนจบเป็นผู้เชี่ยวชาญวุฒิบัตรด้านนิติเวชศาสตร์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จากนั้นรับราชการเป็นหัวหน้าห้องอุบัติเหตุฉุกเฉินและนิติเวช ซึ่งเป็นแพทย์นิติเวชคนแรกของกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลศูนย์สุราษฎร์ธานี จากนั้นเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลมะเร็งสุราษฎร์ธานี(ศูนย์มะเร็งเดิม) จนดำรงตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ


ในปี 2547 นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ ได้เข้ารับราชการ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยการเชิญชวนจาก คุณหญิงหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ จากนั้นเส้นทางชีวิตในการทำงานของ นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ ก็เจริญเติบโตตามลำดับ  จนถึงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์   โดยความรู้ความสามารถของ นายแพทย์ไตรยฤทธิ์  ได้ผ่านหลักสูตรผู้บริหารงานจำนวนมาก อาทิ หลักสูตรการบริหารงานสายการแพทย์ทหารอากาศชั้นสูงรุ่นที่ 18 หลักสูตรนักบริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (ยธส.) รุ่นที่ 1  หลักสูตรผู้บริหารงานยุติธรรมระดับสูง (บธส.)รุ่นที่ 1 หลักสูตรเพื่อการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ รุ่นที่ 5 และผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.) รุ่นที่ 21 และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 61 เป็นต้น 
 

ต่อมาได้มีคำสั่งย้าย ให้ นายแพทย์ไตรยฤทธิ์  มารับราชการตำแหน่งรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ตามลำดับ และเคยทำหน้าที่รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ 


ก่อนที่ในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติ/เห็นชอบเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงยุติธรรม จำนวน 3 ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ โดยได้ นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ส่วนในเรื่องของผลงานของ  นายแพทย์ไตรยฤทธิ์  ที่ผ่านมา เมื่อตรวจสอบข้อมูลแล้วนั้น พบว่า มีผลงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะในด้านการสืบสวนสอบสวน ไม่ว่าจะเป็น เป็นประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด (หัวหน้าคณะพาลีปราบยา 16 ชุด) รวมทั้งการผลักดันให้สำนักงาน ป.ป.ส. จัดหาเครื่องมือพิเศษในการสืบสวนทางเทคโนโลยีชั้นสูง มาใช้ในการปฏิบัติงานปราบปรามและยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ทำให้ช่วงเวลานั้น ได้มีการระบุตรวจเลขในการยึดทรัพย์ของเครือข่ายยาเสพติดได้มากถึงประมาณ 7,000 ล้านบาท สูงกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้คือ 6,000 ล้านบาท


รวมทั้งในระหว่าง นายแพทย์ไตรยฤทธิ์   ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  ได้มีการวางรูปแบบการทำงาน โดยได้นำระบบการสืบสวนสอบสวนออนไลน์ เข้ามาใช้งานในการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ เช่น กรณีหลอกลวงให้ลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex-3D) ซึ่งในคดีดังกล่าวนี้ มีผู้เสียหายจำนวนมากและกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทำให้การทำงานของการสอบปากคำการสอบสวนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องของการครอบคลุมการลงทะเบียนของผู้เสียหาย รวมไปถึงการรวบรวมพยานหลักฐานในการทำสำนวนคำฟ้อง ที่นำไปสู่การสั่งฟ้องผุ้ต้องหา 4 ราย ได้ ทั้งที่เป็น บุคคลและนิติบุคคล 
 

logoline