เปิดปม "LINE" ปิด LINE IDOL ส่อกินรวบ ข่าว-รายได้โฆษณา

หลังจากแอปพลิเคชั่น LINE ประกาศปิดการให้บริการ LINE IDOL ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารของสถานีโทรทัศน์ สำนักข่าว สำนักพิมพ์ต่าง ๆ ที่ใช้นำเสนอข่าวสารให้ประชาชนรับทราบ ไปตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2565 เป็นต้นมา พร้อมแจ้งให้ผู้ใช้บริการ ย้ายไปใช้ LINE official account หรือ LINE OA จนทำให้ผู้ใช้บริการทุกราย ได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และถูกตั้งคำถามจากคนในแวดวงการสื่อสารอย่างหนัก 

 
ส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นมา ผู้ใช้บริการที่เป็นสื่อสารมวลชน ทั้งสถานีโทรทัศน์ สำนักข่าว หลายเจ้า ได้ยกเลิกการนำเสนอข่าวสารทั้งหมด ในแอปพลิเคชั่น LINE 

จากการตรวจสอบพบว่า LINE ได้นำข่าวจากสำนักข่าวค่ายต่าง ๆ ที่เผยแพร่ใน LINE TODAY โดยการแบ่งรายได้จากค่าโฆษณา ไปเผยแพร่ใน google หรือ googlenews อีกช่องทาง ซึ่งการกระทำดังกล่าว มีการตั้งข้อสังเกตว่า เพื่อให้ Line มีรายได้จากค่าโฆษณา ad network เพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องลงทุน ขณะที่เจ้าของสื่อผู้ผลิตข่าวนั้น ๆ ต้องเป็นผู้แบกรับต้นทุนที่เกิfขึ้น จึงเป็นการตั้งข้อสังเกตว่า เหมือนเป็นการเหยียบหัวสื่อ

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตุว่าการที่ LINE ทำแบบนี้ เท่ากับเป็นการเหยียบหัวสื่อแต่ละค่ายที่ทำสัญญาเผยแพร่ข่าวใน Line Today เพื่อหวังผลรายได้จากค่าโฆษณาหรือไม่

ซึ่งทางเครือเนชั่น ได้สอบถามไปยัง Line ได้รับการชี้แจงจากทาง LINE TODAY ว่า การที่ค้นหาข่าวที่สื่อค่ายต่าง ๆ อนุญาตให้ LINE TODAY ไปใช้ เจอบน google และ google news นั้น น่าจะเกิดจากทีมภายใน ซึ่งอาจจะมีการอัปเดท หรือ ปรับอะไรข้างใน จึงทำให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้น โดยทีม LINE TODAY จะมีประชุมเพื่อแก้ปัญหาในวันนี้ (11 ม.ค.2566)

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้ LINE ไม่เคยนำข่าวที่สื่อแต่ละค่ายทำสัญญา ไปเผยแพร่ใน Google แต่อย่างใด

ข้อมูลจากฐานเศรษฐกิจ ระบุว่า การที่ LINE ปิดการให้บริการ LINE IDOL จะส่งผลกระทบ โดยผู้ใช้ LINE OA ราว 5 ล้านราย มีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เคยจ่าย 5,000-10,000 บาทต่อเดือน จะกลายเป็นหลักแสน ถึงหลักล้านบาทต่อเดือน เพราะในราคาแพ็กเกจที่กำหนดไว้ใน LINE OA นั้น มีการจำกัดจำนวนข้อความที่ส่งไว้ หากเกินจากนั้น จะคิดค่าบริการการส่งเพิ่มเติม 

ยกตัวอย่างเช่น อย่างแพ็คเกจ 1,500 บาท จะจำกัดการส่งข้อความไว้ที่ 35,000 ข้อความ หากเกินจากนั้นจะคิด 0.04 บาทต่อหนึ่งคนที่ได้รับการส่งข้อความ (ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)

อ่านต้นฉบับ : ฐานเศรษฐกิจ