"เบนท์ลีย์" ปัด เป่าแอลกอฮอล์ พ่นพิษ สั่ง ตั้งกรรมการสอบ ตำรวจทำคดี

จากกรณีเกิดเหตุรถยนต์หรู ยี่ห้อเบนท์ลีย์ ของนายทุนพรรคการเมืองใหญ่ ทำธุรกิจซื้อขายทำตลาดสด และขายวัสดุก่อสร้าง พุ่งชนรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร สีดำ และรถดับเพลิง อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยมัสยิดฮารูณ ที่กำลังมุ่งหน้าไปช่วยเหลือผู้ติดค้างเหตุไฟไหม้ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ รวม 4 ราย และรถยนต์คู่กรณีได้รับความเสียหาย หลังเกิดเหตุคนขับเบนท์ลีย์ พยายามหลบหนี และมีอาการคล้ายเมาสุรา ไม่ให้มีการเป่าแอลกอฮอล์ โดยอ้างว่า มีอาการเจ็บหน้าอก

จากเรื่องราวที่เกิดข่าว มีคลิปปรากฏบนสื่อโซเชียลมีเดีย และสื่อหลัก ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ ขั้นตอนในการทำงานของตำรวจ จนมีกระแสข่าวว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีหนังสือคำสั่ง ให้ตั้งคณะกรรมการสอบ ข้อเท็จจริง พนักงานสอบสวน ในคดีเสี่ย “เบนท์ลีย์” ซิ่งชน

(10 มกราคม 2566) พ.ต.อ.ณัฐพัฒนส์ ธรรมชุตินันท์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 2 ศูนย์ควบคุมจราจร ทางด่วน/ทางพิเศษ กองบังคับการตำรวจจราจร เปิดเผยว่า เบื้องต้น เป็นเพียงการให้ตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินคดีของเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติ หลังจากมีคำสั่ง ก็มีการจัดตั้งคณะตรวจสอบขึ้นมาพิจารณาว่า ขั้นตอนที่ดำเนินการไป มีขั้นตอนใดที่ผิดไปจากมาตรฐานหรือไม่ หากพบว่า มีขั้นตอนหรือการกระทำใดผิดขั้นตอนมาตรฐาน ก็จะมีการพิจารณาลงโทษพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีอีกครั้ง แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้มีการลงโทษใด ๆ

พ.ต.อ.ณัฐพัฒนส์ ยอมรับว่า ตำรวจจราจร เป็นกลุ่มคนที่อยู่ตรงกลางความเปาะบาง เพราะ อยู่ตรงกลางระหว่างคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ซึ่งการทำงานของตำรวจจราจร จะมุ่งเน้นในการเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อให้ได้ทางออกของปัญหาที่ดีที่สุด อาจไม่ตรงใจใครบางคน แต่ยืนยันว่า ตำรวจจราจรดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอน มาตรฐานที่ต้องใช้ในการตรวจพิสูจน์ความผิด ซึ่งการตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ถือเป็นวิธีการที่เชื่อถือได้แม่นยำที่สุดกว่าทุกวิธี

พ.ต.อ.ณัฐพัฒนส์ กล่าวว่า ส่วนผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์จนถึงขณะนี้ ได้รับรายงานจาก รองผู้กำกับการสอบสวน ที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลคดีดังกล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการรอผลการตรวจจากแล็บตรวจสอบของทางโรงพยาบาลตำรวจ ยังไม่สามารถระบุได้ว่า ผลตรวจจะออกมาได้ในช่วงเวลาใด ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ ก็จะนำผลที่ได้จากทางแล็บไปทำการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม หากพบว่ามีความผิดเกี่ยวกับข้อหามึนเมาสุราขณะขับขี่