"นักท่องเที่ยวจีน" ไหลเข้าไทย กระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมปรับตัวเลข นทท.ใหม่

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ที่สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ฯ กล่าว ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทย หลังจากที่ประเทศจีนมีการเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค.66 ที่ผ่านมา ว่า "นักท่องเที่ยวจีน" และนักท่องเที่ยวต่างชาติถือว่าเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจหลักของประเทศไทย  และยังเป็นตัวสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นฟูและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่ซบเซาจากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 มาอย่างยาวนาน ดังนั้นเชื่อว่าการเปิดประเทศและมี "นักท่องเที่ยวจีน" รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น

ส่วนข้อกังวลที่หลายคนมีเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ที่อาจจะกลับมารุนแรงอีกครั้งหลังจากที่เปิดรับ "นักท่องเที่ยวจีน" นั้น ประเทศไทยจะสามารถรับมือได้ เพราะที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้มีการออกมาตรการ และวางแผนมาแล้ว โดยเฉพาะการใช้มาตรการที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน นอกจากนี้คนไทยส่วนใหญ่ยังมีการฉีดวัคซีนครบแล้ว

ดังนั้นสิ่งที่ สศช.จะเน้นย้ำต่อไปคือ การทำธุรกิจ และบริการสำหรับนักท่องเที่ยว  โดยภาคธุรกิจจะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามมาตรการของกระทวงสาธารณะสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยกันลดความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19

นายดนุชา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามในปี 2566 สศช.คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยราว  23 ล้านคน  ซึ่งเป็นตัวเลขการคาดการณ์ก่อนที่จีนจะประกาศเปิดประเทศ ดังนั้นหลังจากที่รับ "นักท่องเที่ยวจีน" เข้ามาแล้ว สศช.จะมีการพิจารณาปรับคาดการณ์ตัวเลข นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้าไทยอีกครั้ง คาดว่าจะต้องรอประมาณ 2-3 สัปดาห์จึงจะสามารถสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้

“ในปี 66 นี้ สภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ว่า GDP ของไทยจะเติบโตประมาณ 3-4%โดยในส่วนนี้มีธุรกิจท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญ เพราะหากมีนักท่อเที่ยวเข้ามาในประเทศเพิ่มก็จะส่งผลไปยังธุรกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะร้านอาหาร ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจบริการ ซึ่งคาดว่า GDP ไทยน่าจะสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวด้วย” นายดนุชา กล่าวสรุป