ข่าว

"ชูวิทย์" แถลงเปิดตัวพยานสำคัญ-คนใกล้ชิด “ตู้ห่าว"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“ชูวิทย์” นำตัวผู้รับเหมาโครงการถูก “ตู้ห่าว” เบี้ยวจ่ายค่าจ้าง-ค่าตกแต่ง สูงถึง 36 ล้านบาท และคนใกล้ชิด “ตู้ห่าว”รับหน้าที่ถอนเงินสด 20-30 ล้านบาทต่อวัน เผยให้ปากคำอัยการแล้วโดยไม่ผ่านตำรวจ เหตุไม่ไว้ใจ

คดีทุนจีนสีเทา "ตู้ห่าว" ยังคงมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องทั้งทางฝั่งตำรวจ และผู้เกี่ยวข้อง ล่าสุดทางด้าน นาย "ชูวิทย์" กมลวิศิษฎ์  ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว พร้อมกับมีการนำภาพกล้องวงจรปิดภายในสถานบันเทิงจินหลิงผับ ที่พบว่ามีการเปิดให้บริการยาเสพติด และอาคารลีลา ที่อยู่ใกล้เคียงกัน เปิดลักลอบให้เล่นการพนันคล้ายกาสิโน ซึ่งเป็นช่วงขณะตำรวจนครบาลนำกำลังเข้าไปตรวจค้น และพบว่าผู้เล่นการพนันกำลังวิ่งหลบหนี และปรากฎภาพพนักงานขนอุปกรณ์การเล่นพนันออกจากอาคารไปด้านหลัง

 

ส่วนภายในอาคารจินหลิงผับ ก็มีนักท่องเที่ยววิ่งหลบหนี และมีภาพวงจรปิดภายในห้องเก็บของ พบว่าพนักงานได้ใส่สิ่งของคล้ายยาเสพติดลงในตระกร้าเครื่องดื่มก่อนจะส่งไปให้ลูกค้าที่อยู่ภายในร้าน

นอกจากนั้นนาย "ชูวิทย์" กมลวิศิษฎ์ ยังได้นำพยานที่เป็นผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างหลายแห่งที่ในจังหวัดภูเก็ต และชลบุรี ที่นาย "ตู้ห่าว" ได้ว่าจ้างให้มาตกแต่ง และทำระบบโครงสร้างกว่า 10 คน โดยทุกคนนายชูวิทย์ได้พาไปให้ปากคำกับอัยการแล้ว เนื่องจากนายตู้ห่าวค้างค่าจ้างกับผู้รับเหมาทุกรายตั้งแต่ 1 ล้าน 5 แสนบาท จนบางคนสูงถึง 36 ล้านบาท

 

หนึ่งในผู้รับเหมา บอกว่า หลังจากได้ร่วมทำงานกับนาย "ตู้ห่าว" มาตั้งแต่ปี 2559 นายตู้ห่าวได้เป็นผู้ติดต่อว่าจ้าง และจ่ายเงินบางส่วนมาโดยตลอด แต่เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้ว ก็ยังมีค่าจ้างค่าอยู่จำนวนมากและไม่สามารถติดต่อได้ ผู้รับเหมาบางคนต้องนำรถยนต์ และบ้านไปจำนอง จนเป็นหนี้สิน และเมื่อทราบข่าวว่านายตู้ห่าวถูกจับจากคดีทุนจีนสีเทา จึงติดต่อมาที่นายชูวิทย์ เพื่อไปให้ปากคำกับอัยการ และไม่ไว้ใจการทำงานของตำรวจ

 

นอกจากนั้นนายชูวิทย์ ได้นำพยานคนหนึ่ง ที่อ้างว่าเป็นคนใกล้ชิดกับนายตู้ห่าว และให้ข้อมูลว่าเห็นนายตู้ห่าวสั่งให้คนไปถอนเงินสดครั้งละ 20-30 ล้านบาทต่อวัน จากธนาคารแห่งหนึ่งย่านลาดกระบัง ซึ่งเป็นเงินจากประเทศจีนที่โอนเข้ามาในไทย และได้ไปให้ปากคำกับอัยการแล้ว โดยที่ไม่ผ่านตำรวจ เพราะไม่ไว้ใจการทำงานเช่นกัน

 

นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงการแถลงข่าวระหว่างผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอัยการที่ทำคดีว่ามีการทำคดีร่วมกันจนสำนวนคดีมีความสมบูรณ์แล้ว แต่นายชูวิทย์ไม่เห็นด้วย เนื่องจากพบว่ามีพยานหลักฐานบางส่วนที่ไม่นำเข้าสู่สำนวน และเห็นว่าสำนวนคดียังช่วยเหลือนายตู้ห่าว โดยเฉพาะ ตั้งแต่การเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุแบบเว้นวรรค ไม่เข้าตรวจต่อเนื่อง โดยอ้างว่าไม่มีอำนาจเข้าตรวจสอบ มีการขยักหลักฐานไม่นำเข้าสำนวน โดยบอกว่ามีหลักฐานเยอะแล้ว ส่วนรถยนต์หรูที่เป็นของกลางก็มีการปล่อยกลับไปให้ผู้ต้องหาอีกด้วย

 

"ชูวิทย์" แถลงเปิดตัวพยานสำคัญ-คนใกล้ชิด “ตู้ห่าว"

 

 

 

“นอกจากนั้นยังไม่ตั้งข้อหาการรับผลประโยชน์ของนายตำรวจที่ทำคดี โดยไม่มีการสอบปากคำหญิงชาวจีนคนหนึ่งที่มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในสน.ยานนาวา ว่านำถุงกระดาษที่ภายในมีเงินสด 6 แสนบาท ไปวางไว้บนโต๊ะในห้องรองผู้บังคับการ รักษาการผู้กำกับการ เพื่อขอนำรถยนต์หรูยี่ห้อปอร์เช่ ที่ถูกยึดจากจินหลิงผับออกไป”

 

ขณะเดียวกันยังไม่มีการตรวจเลขตัวถังรถยนต์ที่ยึดได้ทั้ง 11 คัน และปล่อยตัวหลานของนาย "ตู้ห่าว" ออกไปจนหลบหนีออกนอกประเทศ และยังพบว่าให้นายตำรวจที่คุมสำนวนคดีนี้เป็นตำรวจคนเดียวกับที่ปล่อยตัวผู้ต้องหาไป

 

สำหรับหลักฐานที่สำคัญที่สุดคือกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ นาย "ชูวิทย์" ได้นำแผนผังของพื้นที่เกิดเหตุ พบว่าแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ อาคารร้านล้างรถยนต์ อาคารจินหลิง และอาคารลีลา โดยเซิฟเวอร์ที่บันทึกกล้องวงจรปิดแบ่งเป็น 4 ส่วน โดยส่วนที่เยอะที่สุดคือ อาคารลีลา มีกล้อง 68 ตัว จินหลิง และอาคารล้างรถ ที่ละ 20 ตัว แต่พนักงานสอบสวนได้ส่งให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบมีเพียง 1 เชฟเวอร์ คือที่จินหลิง แต่ตรวจสอบไฟล์ได้เพียงวันที่ 21-26 ตุลาคม และไม่ตรวจสอบเชิฟเวอร์ของอาคารลีลา ที่เปิดให้เล่นการพนัน 

 

"เห็นได้ว่าเป็นการให้ความช่วยเหลือกับนายตู้ห่าว ที่ไม่ตั้งข้อหาจัดให้เล่นการพนัน ยังมีคลิปวิดิโอวงจรปิดอีกกว่า 1,500 คลิป ที่ยังไม่ได้เปิดเผย และเชื่อว่าตำรวจมีทั้งหมด แต่ไม่นำเข้าสู่สำนวนเอง และยังพบว่าชะลอการตั้งข้อหาฟอกเงิน กับนายตู้ห่าว เพราะเงินในบัญชีเหลือไม่มากเนื่องจากถูกยักย้ายออกไปทั้งหมดแล้ว และออกหมายจับในวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่เกิดขึ้นหลังจากเข้าตรวจค้นเกือบ 1 เดือน"

 

ส่วนการตรวจสอบรถยนต์หรูของนายตู้ห่าว พบว่าเป็นรถเช่าจากบริษัทหนึ่งที่นายชูวิทย์ อ้างว่ามีหลานของนักการเมืองเป็นเจ้าของบริษัท และตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดนายตู้ห่าวขับรถยนต์หรูจำนวนมาก แต่ไม่มีเงินไปจ่ายให้กับผู้รับเหมาที่ติดค้างอยู่จำนวนมาก 

 

ส่วนข้อมูลทั้งหมดที่นายชูวิทย์ได้มานั้น เขาเชื่อว่าตำรวจมีทั้งหมดแล้ว แต่ไม่นำเข้าสู่สำนวน โดยไม่ทราบว่าเหตุใดถึงไม่นำเข้า และข้อมูลที่ได้มาทั้งหมด เป็นข้อมูลของตำรวจและเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม จึงเป็นหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งหลังจากนี้จะติดตามคดีนี้จนถึงกระบวนการในชั้นศาลว่าผลตัดสินจะออกมาอย่างไร

 

ขณะเดียวกันนายชูวิทย์ ยังยืนยันว่าการนำข้อมูลของทุนจีนสีเทาออกมาเปิดเผยเหล่านี้ จะไม่เป็นการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ส่วนกรณีที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้มาทาบทามให้เข้าร่วมในพรรคและจะให้มาร่วมเปิดโปงขบวนการนี้ต่อ นายชูวิทย์ยืนยันว่าจะขอทำหน้าที่การตรวจสอบของภาคประชาชน เพราะหากภาคประชาชนไม่เข้มแข็งก็จะทำให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้ 

 

“ยืนยันว่าไม่ใจอ่อนที่จะเล่นการเมือง เพราะได้ประกาศไปตั้งแต่ปี 2560 แล้ว แต่จะผลักดันให้นำเรื่องนี้อภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงคะแนน ในสภาครั้งสุดท้ายให้ได้”

 

"ชูวิทย์" แถลงเปิดตัวพยานสำคัญ-คนใกล้ชิด “ตู้ห่าว"

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ