ข่าว

ปาบึ้ม!บ้าน"บรรหาร"ชาวบ้านเจ็บ1

ปาบึ้ม!บ้าน"บรรหาร"ชาวบ้านเจ็บ1

29 มี.ค. 2553

ปาบึ้มเอ็ม 67! ใส่บ้าน "บรรหาร" โชคดีติดกำแพงกระเด็นตกริมฟุตบาทหน้าบ้าน ชาวบ้านเดินผ่านถูกสเก็ดระเบิดเจ็บเล็กน้อย 1 คน คาดป่วนเมืองรายวัน คนร้ายลอบวางระเบิดไม่ทราบชนิดในตู้โทรศัพท์ห่างผับดังกลางเมืองเชียงใหม่ไม่เกิน 50 เมตร รถยนต์ตำรวจภูธรภาค 5 เสียหาย 1

 ยังเกิดเหตุป่วนเมืองรายวันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 28 มีนาคม ร.ต.อ.วิรุญ ถวัลย์ธัญญา ร้อยเวร สน.บางพลัด รับแจ้งเหตุระเบิดริมรั้วหน้าบ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี เลขที่ 293-295-297-299 ห่างจากปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 57 ประมาณ 30 เมตร ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด  กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ไพศาล เชื้อรอด ผบก.น.7 เจ้าหน้าที่สรรพาวุธ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน

 ที่เกิดเหตุบริเวณโคนต้นไม้หน้าบ้านพบหลุมลึกประมาณ 10 ซม. กว้างประมาณ 30 ซม. ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร พบกระเดื่อง ชิ้นส่วนระเบิดตกกระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่จึงเก็บกู้ไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านที่เดินผ่านมาได้รับบาดเจ็บ 1 คน ทราบชื่อคือ นางวรรณา หาญกระสินธุ์ อายุ 38 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา เจ้าหน้าที่นำส่ง รพ.วชิระ

  นางวรรณาให้การว่า ระหว่างลงรถเมล์บริเวณป้ายหยุดรถข้างสะพานลอยปากทางจรัญสนิทวงศ์ 57 สังเกตเห็นชายขี่รถจักรยานยนต์มา 2 คน ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน ขว้างระเบิดไปโดนกำแพงบ้านนายบรรหาร แล้วระเบิดเด้งมาตกใต้โคนต้นไม้เสียงระเบิดดังสนั่น และสะเก็ดระเบิดกระเด็นมาโดนขาตนบาดเจ็บเล็กน้อย ระหว่างนั้นชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงต่างวิ่งหลบหนี ไม่ทันสังเกตว่าคนร้ายรูปร่างอย่างไร

 จากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน พบว่าระเบิดดังกล่าวเป็นชนิดระเบิดแบบขว้างเอ็ม 67 คาดว่าคนร้ายจะขว้างเข้าไปในบ้านนายบรรหาร แต่กำแพงบ้านเป็นซีเมนต์ทึบมีความสูงกว่า 2 เมตร ทำให้ระเบิดไปถูกกำแพงตกลงมาระเบิดที่ต้นไม้ริมฟุตบาท

 พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าคนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมเสื้อแจ็กเก็ต ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบทะเบียนและยี่ห้อ การก่อเหตุหวังก่อกวนสร้างสถานการณ์ลักษณะเดียวกันกับการขว้างระเบิดใส่ธนาคารกรุงเทพแต่ละแห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบสวนผู้บาดเจ็บและผู้เห็นเหตุการณ์อีกครั้ง รวมถึงนำภาพวงจรปิดจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ฝั่งตรงข้าม และกล้องวงจรปิดหน้าบ้านที่เกิดเหตุมาตรวจสอบอีกครั้ง

 รอง ผบช.น.กล่าวอีกว่า ตอนนี้คนร้ายสร้างสถานการณ์ไปทั่ว ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง ก่อกวนไปเรื่อย บางครั้งตำรวจคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุที่ใดบ้าง กำลังตำรวจที่ดูแลมีเพียงพอ จุดที่ตำรวจประเมินว่าจะเกิดเหตุก็ไม่เกิด แต่กลับไปเกิดจุดที่ไม่คาดคิด ดังนั้นประชาชนต้องระมัดระวังตัว เดินทางไปไหนมาไหนในเวลาค่ำคืน เพื่อความปลอดภัย

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัด เนื่องจากมีประชาชนชะลอรถดูเหตุการณ์ รวมถึงมีรถยีเอ็มซีของทหารเปิดสัญญาณไฟและดูแลความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ภายในบ้านของนายบรรหารปิดไฟมืด ไม่มีใครออกมาดูเหตุการณ์ มีเพียง รปภ.ภายในบ้านที่ออกมาดูเท่านั้น

 ส่วนความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายก่อเหตุปาระเบิดที่ช่อง 5 และช่องเอ็นบีทีนั้น พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. กล่าวว่า ฝ่ายสืบสวนและฝ่ายสอบสวนซึ่งมี พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ช่วยในการวางแนวทางการสืบสวน ทั้งนี้ได้สั่งการให้ทุก สน.ใช้สายตรวจจักรยานยนต์เป็นพิเศษในการทำหน้าที่เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ และสั่งการให้ตำรวจปราบจลาจลที่มาจากภาคต่างๆ จัดกำลังไปให้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีอยู่ สำหรับการตั้งด่านตำรวจทำเต็มที่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่าขณะที่เราตั้งจุดตรวจจุดสกัดก็ยังมีรอยรั่วมีรูรั่ว โดยเชื่อว่าเป็นคนไทยที่น่าจะรู้เส้นทางในกรุงเทพฯ จึงรู้เส้นทางต่างๆ ได้อย่างละเอียด ซึ่งการก่อเหตุใช้เวลาไม่ถึงนาที หรือครึ่งนาทีก็หลบหนีไปแล้ว ทำให้ยากในการป้องกัน

วางบึ้มตู้โทรศัพท์ใกล้ผับดังเชียงใหม่

  เมื่อเวลา 23.20 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.กิตติพันธ์ คำวรรณ สารวัตรเวร สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายนำระเบิดไม่ทราบชนิดมาวางไว้ในตู้โทรศัพท์สาธารณะ ซึ่งตั้งอยู่หน้าวัดทรายมูลเมือง ถนนมูลเมือง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ห่างจากจุดที่ตำรวจจราจรเชียงใหม่ตั้งด่านตรวจจับรถผิดกฎหมายไม่เกิน 100 เมตร และอยู่ก่อนถึงมัณฑเลย์ผับชื่อดัง กลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งนักเที่ยวกำลังใช้บริการกันอย่างเนืองแน่นไปประมาณ 50 เมตร 

 หลังรับแจ้งจึงรายงาน พ.ต.อ.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.ท.สวัสดิ์ หล้ากาศ รอง ผกก. พร้อมแจ้งประสานตำรวจวิทยาการเข้าตรวจสอบ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บและยังไม่ทราบชนิดของระเบิดที่แน่ชัด 

 จากการสอบปากคำนายอาจาย หมายคำ อายุ 24 ปี รปภ.บริษัท เคพีเอ็นมิวสิค จำกัด หรือเชียงใหม่การดนตรี ให้การว่า ระหว่างเฝ้ายามอยู่เห็นควันพุ่งออกมาที่ด้านหน้าตู้โทรศัพท์ จึงเดินเข้าไปดู เห็นกระป๋องแป้งตั้งอยู่ในตู้โทรศัพท์และมีควันพุ่งออกมา จังหวะนั้นเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งหลบออกมาได้ไม่เกิน 3-5 เมตร ก็เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ส่งผลให้กระจกตู้โทรศัพท์และหลังคาแตกทะลุ 

 เหตุดังกล่าวยังทำให้รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีเทา ทะเบียน กข 8734 เชียงใหม่ ซึ่งเป็นของ ร.ต.อ.มานพ ค้าขาย ตำรวจสังกัดภูธรภาค 5 ซึ่งมาทำธุระ จอดห่างตู้โทรศัพท์ประมาณ  50 เมตร ได้รับความเสียหาย กระจกด้านหลังแตก ตำรวจเข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อหาตัวคนร้ายต่อไป

ปูดมือป่วนใกล้ชิดนักการเมือง

 "ต้องยอมรับว่าทั้งหมดนี้เป็นการป่วนเมือง ทำให้สถานการณ์การชุมนุมต่างๆ ยิ่งแย่ลงไป โดยจาก 2 คดีที่ผ่านมาที่จับกุมได้ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม หรือที่ออกหมายจับอดีตตำรวจที่กระทรวงกลาโหม แต่ว่าความเชื่อมโยงนั้นจะให้ระบุก็ยังไม่ได้ ยกเว้นการจับกุม ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม ได้ก่อน โดยได้ส่งฝ่ายสืบสวนไปหลายชุดแล้ว ซึ่งพัวพันกับนักการเมือง" พล.ต.ท.สัณฐานกล่าว

 ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงตั้งข้อสังเกตว่าไม่สามารถจับกุมใครได้เลยนั้นมองว่าอาจเป็นฝีมือของรัฐบาล พล.ต.ท.สัณฐานกล่าวว่า ข้อมูลต่างๆ ที่ออกมาทั้งหมดนั้น บ่งชัดอยู่แล้วว่าข้อมูลที่ออกมาไม่ใช่ฝีมือรัฐบาล ซึ่งข้อพิสูจน์ก็มีแล้วไม่ว่าจะเป็นการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ พูดง่ายๆ ว่าเป็นกลุ่มที่เคยรับใช้นักการเมืองซึ่งสร้างปัญหาในขณะนี้

วงจรปิดช่อง5ได้ภาพคนร้าย

 พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น. กล่าวว่า จากการข่าวของสันติบาลเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ระเบิดที่ช่อง 5 ช่องเอ็นบีที และ ร.11 รอ. พล.ต.ท.สัณฐานได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายป้องกันทุกหน่วยระดมสายตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชุดจู่โจมเคลื่อนที่เร็วทั้งระดับ สน. และระดับ บก. ให้ออกตรวจพื้นที่ ปรากฏกายให้เห็นเด่นชัด ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนให้ออกตรวจตระเวนและซุ่มโป่งบริเวณสถานที่สำคัญล่อแหลมในพื้นที่

 "วานนี้ (27 มี.ค.) มีการค้นพบเครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ในพื้นที่ สน.บางชัน โดยให้กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบว่าเป็นเครื่องยิงที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่กับเหตุระเบิดก่อนหน้านี้ โดยเหตุระเบิดที่ช่อง 5 กล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายได้ชัดเจน เบื้องต้นใช้จักรยานยนต์คาดว่าเป็นยี่ห้อฮอนด้า โดยใช้ระเบิดแบบขว้าง แต่ไปติดตาข่ายของรั้วทำให้ระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว

 โฆษก บช.น.กล่าวอีกว่า จะตรวจสอบภาพต่อเนื่องบริเวณถนนพหลโยธิน เนื่องจากน่าจะมีภาพค่อนข้างมาก ส่วนเหตุเกิดที่เอ็นบีทีกล้องวงจรปิดน่าจะช่วยได้หลายส่วน เช่นเดียวกับเหตุที่ ร.11 รอ. ได้กำหนดทิศทางยิงและแนวทางการสืบสวนแล้ว

.38ยิงแบงก์กรุงเทพสะพานขาว

 ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 16.00 น. ร.ต.ท.ธนสาล บำรุงกิจ พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานขาว ถนนหลานหลวง ซอย 10 หรือซอยวุฒิชัย แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อไปตรวจสอบพบบริเวณประตูทางเข้าธนาคารซึ่งเป็นประตูกระจกมีรอยกระสุน 5 รู กระจกร้าว 3 บาน เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชนทั่วไป เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้ที่ชุมชนของกลุ่มคนเสื้อแดง

 นายโซ่ยเฮง แซ่งึ้ง อายุ 76 ปี พยานซึ่งบ้านอยู่ติดกับธนาคาร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุติดตามข่าวการเมืองทางโทรทัศน์อยู่กับหลาน จากนั้นรู้สึกเบื่อจึงเดินออกมาดูบรรยากาศนอกบ้าน และซื้อน้ำใบบัวบกจากพ่อค้ารถเข็นที่จอดขายอยู่ข้างธนาคาร แล้วนั่งดื่มที่ประตูหน้าธนาคาร จากนั้นมีผู้ชายคนหนึ่ง จำการแต่งกายไม่ได้เดินเข้ามาที่ด้านหน้าธนาคาร พยายามบอกให้ตนออกห่างจากประตูธนาคารหลายครั้ง แต่ตนหูตึงจึงไม่ได้ยินที่เขาพูด เลยใช้มือชี้ไปที่หูส่งสัญญาณว่าไม่ได้ยิน

 "ชายคนดังกล่าวถึงเดินเข้ามาพูดข้างหูว่า ลุงหลบออกไปผมจะยิงธนาคารกรุงเทพ เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมก็กลัวจึงเดินออกมา ทันใดนั้นเขาก็ชักปืน สังเกตเห็นว่าเป็นปืนลูกโม่กระหน่ำยิงใส่ธนาคาร 5 นัดซ้อน แล้วก็เดินออกไปหน้าตาเฉยโดยไม่ได้ตื่นกลัวแต่อย่างใด" นายโซ่ยเฮงกล่าว

 ด้าน พ.ต.อ.รังสรรค์ บันฑิตผล ผู้กำกับการ (ผกก.) สน.นางเลิ้ง กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้อาจเป็นการสร้างสถานการณ์ของผู้ไม่หวังดี พยานระบุว่าคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี คาดผ้าปิดปากสีแดง สวมเสื้อสีฟ้าทับด้วยแจ็กเก็ตสีเข้ม หลังจากก่อเหตุเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง คาดว่าน่าจะมุ่งหน้าหลบหนีไปทางสะพานขาว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานขาว เมื่อเดือนเมษายน 2552 ถูกกลุ่มคนที่ก่อจลาจลขว้างระเบิดขวดเข้าใส่ ส่วนครั้งนี้หลังจากตำรวจตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเสร็จแล้วประตูทางเข้าธนาคารซึ่งเป็นกระจกก็พังลงมา 2 บาน ขณะที่อาวุธปืนที่ใช้คาดว่าเป็นอาวุธปืนขนาด .38 ลูกโม่ เนื่องจากที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุน และกระสุนขนาด .38 สามารถหาได้ง่าย

ทีวี 5, 11 เชียงใหม่-ขอนแก่นผวา

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ภาคเหนือ ตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองชลประทาน ใกล้สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้เพิ่มทหารมาประจำการรักษาความปลอดภัย 6 นาย ร่วมกับพนักงานรักษาความปลอดภัยของสถานี ส่วนที่สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 ถนนประชาสัมพันธ์ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 หรือช่องเอ็นบีที ได้ขอให้ตำรวจเพิ่มความถี่ตำรวจสายตรวจมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นส่งตำรวจมาประจำที่สถานี เพราะเจ้าหน้าที่แจ้งว่ากำลังไม่เพียงพอต้องกระจายไปตรวจตราความปลอดภัยสถานที่เป้าหมายหลายแห่ง

 ด้านนางรัชวัลค์ สืบแย้ม ผอ.สทท.ขอนแก่น กล่าวว่า มีมาตรการคุมเข้มมาอย่างต่อเนื่อง จากเดิมมีเจ้าหน้าที่ รปภ.เฝ้าเวรยามอยู่ที่ด้านหน้า 2 นาย แต่ปัจจุบันมีกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรภาค 4 นำกำลังมาเสริมและเฝ้าระวังบริเวณประตูทางเข้า-ออกนับสิบนาย

 ส่วนช่อง 5 จ.ขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณค่ายศรีพัชรินทร์ ถนนกสิกรทุ่งสร้าง ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ยังตั้งจุดสกัด 3 จุดตามปกติ

สื่อแถลงการณ์ประณาม

 วันเดียวกัน สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ร่วมว่า ในช่วงไม่ถึงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีผู้ลอบวาง ปาและยิงระเบิดตามสถานที่ต่างๆ ทั้งที่เป็นหน่วยงานของรัฐ และพื้นที่สาธารณะกว่า 20 ครั้ง รวมทั้งการปาระเบิดใส่ช่อง 5 และยิงเอ็ม 79 ใส่ช่องเอ็นบีที ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย

 จากหลักฐานและพฤติกรรมที่เกิดขึ้นบ่งชี้ว่า ผู้กระทำการดังกล่าวไม่เพียงแต่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความสับสนวุ่นวายเท่านั้น แต่มุ่งหวังให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายด้วย เพราะมีการเลือกเป้าหมายที่เป็นตัวบุคคล องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนมีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ข้างต้นว่า อาจเป็นชนวนเหตุให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลายจนนำไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นนองเลือดได้ จึงมีความเห็นร่วมกันดังต่อไปนี้

 1.แม้ช่อง 5 และช่องเอ็นบีที จะเป็นสื่อของรัฐ และอาจถูกมองจากฝ่ายตรงข้ามว่า เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล เช่นเดียวกับสื่อของกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองที่ถูกมองในลักษณะเดียวกัน แต่การใช้อาวุธสงครามโจมตีสถานีโทรทัศน์ทั้งสองแห่งเป็นการกระทำไม่อาจยอมรับได้ เพราะการนำเสนอข้อมูลข่าวสารและความเห็นที่แตกต่างกัน ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา

 การกระทำดังกล่าวของผู้ก่อการจึงมุ่งหวังที่สร้างความวุ่นวายและความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ดังนั้น จึงอาจจะขยายขอบเขตโจมตีไปยังองค์กรสื่อมวลชนทั่วไปซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ในการรายงานข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้านท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้

 2.สื่อมวลชนไม่ว่าจะเป็นผู้ปฏิบัติงานภาคสนามหรือองค์กรสื่อไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร และพยายามทำหน้าที่ในการรายงานข่าวและความคิดเห็นอย่างรอบด้านที่สุด แต่ก็ไม่อาจทำให้ทุกฝ่าย ซึ่งมีความเห็นทางการเมืองแตกต่างกันพึงพอใจได้ทั้งหมด

 การนำเสนอข่าวหรือการแสดงความคิดเห็นใดๆ ที่ประชาชนเห็นว่าไม่ถูกต้องหรือละเมิดจริยธรรม ก็สามารถใช้กลไกทางกฎหมายหรือกลไกทางวิชาชีพได้แก่ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนนั้นๆ ได้

 3.องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอประณามการกระทำอันเป็นการคุกคามสังคมและสื่อมวลชนด้วยอาวุธสงคราม และขอให้เพื่อนร่วมวิชาชีพหนักแน่นในการทำหน้าที่รายงานข่าวสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงนี้อย่างถูกต้อง รอบด้าน และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ตามกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับแรงกดดันใดๆ และ 4.ขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้เพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน พร้อมทั้งเร่งสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว