"วิ่งผ่าเมือง"ติดปีก กทม. ผนึก ททท.เตรียมทำเอ็มโอยู ดันขึ้นงานวิ่งระดับโลก

ที่ห้องประชุมอัมรินทร์  ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร   ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  ,  ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  , สุชาติ แจสุรภาพ ผู้แทนสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ, กอบเกียรติ แสงวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยแลนด์ไตรลีก และคณะทำงาน   ได้ร่วมกันหารือถึงความร่วมมือในการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอน ที่จัดขึ้นในเมืองหลวง และได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกจากสมาคมกรีฑาโลก  รายการ "วิ่งผ่าเมือง"  : Amazing Thailand Marathon Bangkok 

 

 

 

 

ในการประชุม   มีการหารือถึงกรอบการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ของการแข่งขันรายการดังกล่าว   มีระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2566-2570) ระหว่าง 4 องค์กรหลัก คือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กรุงเทพมหานคร, สมาคมกีฬากรีฑาฯ และบริษัท ไตรลีก (ประเทศไทย) จำกัด ต่อการจัด  "วิ่งผ่าเมือง"   Amazing Thailand Marathon Bangkok   ยกระดับการแข่งขัน   ให้เป็นรายการเมเจอร์ระดับโลก ที่จัดขึ้นใจเมืองหลวง  เช่นเดียวกับ   โตเกียวมาราธอน  ญี่ปุน , ลอนดอนมาราธอน  อังกฤษ  ,  และ  เบอร์ลินมาราธอน  เยอรมัน  ซึ่งในแต่ละปี   จะมีผู้เดินทางมาร่วมแข่งขันจากทั่วโลก

 

 

 

 

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า    วิ่งมาราธอน รายการ "วิ่งผ่าเมือง" Amazing Thailand Marathon Bangkok ถือเป็นรายการสำคัญของกรุงเทพมหานคร   ทุกฝ่ายได้หารือกันว่าจะทำอย่างไรให้การแข่งขันรายการนี้มีความยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม มีความเป็นสากลอย่างรายการเมเจอร์โลก ที่จัดขึ้นใจเมืองหลวงสำคัญของโลก  ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้เดินทางมาร่วมแข่งขันจากทั่วโลกเป็นจำนวนมาก   ในนามของกรุงเทพมหานคร เห็นว่าจะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อกรุงเทพมหานคร ในแง่ของการสร้างรายได้ในทุกมิติ และยังเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่กรุงเทพมหานครได้เป็นอย่างดี  จึงพร้อมสนับสนุน  ด้วยการจัดทำบันทึกความร่วมมือ

 

 

 

 

"เราหารือกันว่าในด้านการท่องเที่ยว ทางผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท. ) ได้ให้ข้อมูลว่า   วิ่งผ่าเมือง  จะดึงนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพเข้าประเทศได้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ททท. มีสำนักงานอยู่ในเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลก การทำประชาสัมพันธ์เพื่อชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมแข่งขัน   จึงเป็นเรื่องที่สามารถทำได้     ผมยังเห็นว่า เราสามารถต่อยอดให้ผู้แข่งขันเดินทางไปท่องเที่ยวในทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทยได้อีก  ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้แบบคูณสอง คือ อยู่กรุงเทพมหานคร ในช่วงแข่งขัน และเดินทางไปพักผ่อนต่อในช่วงหลังแข่งขันอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งหากทั้ง กทม. และ ททท. ทำงานแบบบูรณการอย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจว่าเราจะสามารถจัดมาราธอนระดับโลกได้ และจะสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ได้ไม่น้อยกว่าพันล้านบาทอย่างแน่นอน " 

 

 

 

 

เขา กล่าวว่า    ที่ผ่านมากรุงเทพมหานคร    มีกีฬาวิ่งระดับโลกเข้ามาจัดอย่างต่อเนื่อง ย่อมเป็นการสร้างความตื่นตัวให้กับประชากร เกิดการสร้างระเบียบวินัย การสร้างจิตสำนึกในการ ดูแลสังคม   และจากที่ได้สัมผัสการแข่งขัน   และสัมผัสกับผู้จัดมาราธอนมาหลายรายการ เห็นว่า รายการนี้คือรายการเมเจอร์หลักของกรุงเทพมหานคร ดังนั้น จะร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ โดยจะตั้งคณะทำงานอย่างจริงจัง เพื่อหารือในเชิงลึก และร่วมกันพิจารณาถึงรายละเอียดต่างๆ อาทิ การปรับเส้นทางหรือเวลาแข่งขันที่เหมาะสมยิ่งขึ้น หรือการมีส่วนร่วมของชุมชน การจัดหาอาสาสมัคร และอื่นๆ อีกมากมาย โดยจะเชิญผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้มาเป็นเจ้าภาพร่วม

 

 

 

 

สุชาติ แจสุรภาพ   ผู้บริหารสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์   ในฐานะผู้แทน สมาคมกรีฑาโลก หรือ World Athletics เปิดเผยว่า   จากความสำเร็จของสมาคมกีฬากรีฑาฯ ที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน วิ่งเทรลภูเขาชิงแชมป์โลก ที่เชียงใหม่ และการจัดประชุมกรีฑาโลก เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้สมาคมกรีฑาโลกส่งสัญญาณว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการจัดงานระดับโลก และมีความพร้อมเป็นอย่างมาก

 

 

จึงอยากให้สมาคมฯ หารือกับ ททท. กรุงเทพมหานคร และผู้จัดไทยแลนด์ไตรลีก เพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมาราธอนชิงแชมป์โลก ในปี 2025-2026 หรือ อีก 3 ปีข้างหน้า   ซึ่งกรุงเทพมหานคร มีโอกาสสูงที่จะได้รับสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ในที่ประชุมทุกฝ่ายเห็นด้วยที่จะเสนอตัวการจัดมาราธอนชิงแชมป์โลก ซึ่งตนจะแจ้งให้สมาคมกรีฑาโลกทราบต่อไป

 

 

 

อนึ่ง การแข่งขันมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยว "วิ่งผ่าเมือง"  Amazing Thailand Marathon Bangkok กำหนดจัดขึ้นในทุกๆ ปี โดยปรับวันแข่งขันใหม่ จากเดิมจะจัดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่ประสบปัญหาด้านฝุ่น PM2.5 ในทุก ๆ ปี จึงได้พิจารณาเปลี่ยน มาจัดในสัปดาห์แรกเดือนธันวาคม ซึ่งครั้งถัดไป  กำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2566  โดยคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ต้องเป้าหมายว่า จะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันไม่น้อยกว่า 28,000 คน เป็นนักวิ่งชาวไทย 23,000 คน และชาวต่างชาติ 5,000 คน ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท เกิดการจ้างงานในช่วงแข่งขัน ไม่น้อยกว่า 6,000 อัตรา