ข่าว

"บูม...จุฬา" กระหึ่มงานคืนเหย้าฯ

"บูม...จุฬา" กระหึ่มงานคืนเหย้าฯ

28 มี.ค. 2553

ไม่ต้องเสียเวลารอให้ "แดดร่ม และ ลมตก" พื้นหญ้าเขียวเข้มทั่ว "สนามจุ๊บ" ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ถูกปรากฏการณ์สีชมพู้ ชมพู

 ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ ทว่ามิใช่ผลพวงจากภาวะโลกร้อน หรืออภินิหารสำแดงเดชใดๆ ทั้งสิ้น แต่เกิดจากภาวะความรักความผูกพันในสถาบันเก่าของบรรดาหนุ่มสาวชาวลูกพระเกี้ยว ซึ่งมีสัญญาใจต่อกันว่า แม้จะอยู่ตรงไหนของประเทศไทย หรือมุมใดในโลกหล้าพวกเขาและเธอจะกลับมาขับร้อง "มหาจุฬาลงกรณ์" ร่วมกันปีละครั้ง

 ตามธรรมเนียมการจัดงานก็ต้องมีคอนเซ็ปต์ และปีนี้ในโอกาสครบ 93 ปีแห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์พระบรมราชูปถัมภกแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงเป็นที่มาของชื่องาน "คืนเหย้าชาวจุฬาฯ รวมใจถวายพระพรองค์ราชัน" โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธาน โดยมี นายกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์ และคณะกรรมการเฝ้ารอรับเสด็จ

 ท่ามกลางความแน่นแฟ้นของบรรยากาศน้องพี่สีชมพู เสียง "บูม...จุฬา" ดังกระหึ่มเป็นระยะ ในขณะที่ทรงร่วมกิจกรรมทั้งภายในซุ้มต่างๆ อย่างไม่ถือพระองค์ โดยเริ่มตั้งแต่ "ซุ้มลงทะเบียน" "ซุ้มสีชมพูเทิดจงรักทูลภักดิ์" โดยทรงร่วมเขียน "ทรงพระเจริญ" บนกระดาษรูปใบไม้แล้วทรงนำไปติดที่ต้นโพธิ์ จากนั้นทรงพระดำเนินไปยัง "ซุ้มไปรษณีย์ไทย" เพื่อฉายพระรูปลงบนแผ่นแสตมป์ และทรงยืนคู่กับแผ่นป้ายรูปชุดนิสิตจุฬาฯ ให้ช่างภาพฉายพระรูป ท่ามกลางความปลื้มปีติและเสียงปรบมือจากคณะพระสหายและนิสิตเก่าอย่างเนืองแน่น

 ในขณะที่บนเวทีหลังจากได้สปิริตจากนิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบันมาสลับสับเปลี่ยนกันมอบความบันเทิงอย่างเต็มที่เต็มกำลัง อาทิ ชุดขะหนม ชุดดุจน้ำแข็ง ชุดยึซอ หงส์ดอย ฯลฯ แล้ว องค์ประธานของงานในค่ำคืนนี้ก็ได้พระราชทานพระราโชวาทแก่ชาวลูกพระเกี้ยว โดยทรงเชิญชวนให้พี่น้องนิสิตเก่าจุฬาฯ กลับมาช่วยค้ำชูสถาบันการศึกษาตามกำลังทรัพย์และทุนทรัพย์ เพื่อให้รุ่นหลังๆ ได้รับประโยชน์นำไปใช้ไว้เป็นอาวุธทำกินต่อไป พร้อมกันนี้ยังพระราชทานพรให้ทุกคนสุขกายสบายใจความว่า "คิดเงินให้ได้เงิน คิดทองให้ได้ทอง ตามเพลงขอให้เจ้าภาพจงเจริญ เจ้าภาพคือเราทุกคน" และแน่นอนเมื่อสิ้นสุดพระราชดำรัส บูม...จุฬา ก็กึกก้องขึ้นอีกครั้ง อีกครั้ง และ...อีกครั้ง

 และโมงยามแห่งความสุขก็ดำเนินมาถึงช่วงสำคัญซึ่งนับว่าเป็นไฮไลท์ก็ว่าได้ เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะผู้ดำเนินงานขึ้นเวทีและร่วมร้องบทเพลงจามจุรีประดับใจ ซียู โพคา (CU POKA) เพลงเกียรติภูมิจุฬา ฯลฯ จากนั้นก็เป็นการขับร้องเพลง "สุขสันต์วันเกิด" และทูลเกล้าฯ ถวายของทูลพระขวัญ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ โดยปีนี้เป็น "กระเช้าดอกกล้วยไม้สีม่วง" ก่อนจะย้ำความทรงจำดีๆ ร่วมกันด้วยบทเพลง "มหาจุฬาลงกรณ์" ส่งท้ายงาน "คืนเหย้าชาวจุฬาฯ"