หลอกหนุ่มไทยทำงานนวด "สปา" ก่อนลวงไปค้ากามเมืองดูไบ
รวบ 3 ผู้ต้องหา หลอกหนุ่มไทยไปทำงาน "สปา" เมืองดูไบ เงินเดือนสูง 8 หมื่นบาท มีที่พัก-อาหารให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อ เดินทางไปถึงถูกยึดหนังสือเดินทาง ก่อนถูกพาไปร้านนวด บังคับขายบริการทางเพศ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พร้อมด้วย นายสิบหมื่นชัย โพธิสินธุ์ ผู้ตรวจราชการ กรมการจัดหางาน แถลงจับกุมน.ส.นันทพร อายุ 45 ปี นายภานุวัฒน์ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญา ที่ 2568-69/2565 ลงวันที่ 22 พ.ย. 2565 และน.ส.จรรยา หรือปุ้ย อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญา ที่ 2747/2565 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2565 ข้อหา “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ฯ โดยจับกุมนางนันทพร ได้ภายในซ.นวมินทร์ 70 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพ ส่วนนายภาณุวัฒน์ จับกุมได้ภายในซ.คลองบางวัด ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และน.ส.จรรยาจับกุมได้ในพื้นทีที่ ม.1 ต.บางปู อ.เมืองสมุทรปราการ
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนพ.ย. 2564 นายภานุวัฒน์ได้ชักชวนนายบี (นามสมมุติ) ผู้เสียหายไปทำงานที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อ้างว่าเป็นร้าน "สปา" นวดแผนไทย มีที่พักและอาหารให้ เงินเดือน 8 หมื่นบาท ไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ผู้เสียหายสนใจจึงให้ไปติดต่อน.ส.จรรยา แม่แทรค หรือนายหน้า จัดการส่งผู้เสียหายเดินทางไปทำงาน ก่อนจะเดินทางยังไปให้น.ส.นันทพรช่วยเทรนงานให้อีกด้วย
ส่วนพล.ต.ต.ศารุติ กล่าวอีกว่าต่อมาวันที่ 18 พ.ย. 2564 เมื่อผู้เสียหายก็เดินทางไปถึง ก็มีหญิงไทยไม่ทราบชื่อสกุล และชายสัญชาติอินเดีย มารอรับที่สนามบิน พร้อมยึดหนังสือเดินทางไว้ทันที จากนั้นก็พาไปเริ่มงานที่ "ร้านนวด" แห่งหนึ่งที่เมืองดูไบ ผู้เสียหายจึงพบว่ามีการค้าประเวณีแอบแฝง มีนายอาหลิว สัญชาติจีน เป็นผู้จัดการร้านคอย บังคับให้ขายบริการทางเพศค่าตัวครั้งละ 900 บาท ทุกครั้งถูกหักค่าตัว ครั้งละ 450 บาท เพื่อใช้หนี้ค่าใช้จ่ายเดินทางกว่า 7 หมื่นบาท ผู้เสียหายจำเป็นต้องขายบริการทางเพศเรื่อยมา เพราะไม่มีเงินใช้หนี้ ก่อนถูกส่งตัวไปทำงานที่ร้านเเห่งใหม่ ผู้เสียหายจึงมีเพื่อน ๆในร้านคอยให้คำปรึกษา และติดต่อขอความช่วยเหลือจนกลับประเทศไทยได้ในที่สุด
พล.ต.ต.ศารุติ กล่าวอีกว่า ต่อมาผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่บก.ปคม. พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับกลุ่มขบวนการดังกล่าว 7 ราย คือนายภานุวัฒน์ ที่ติดต่อชักชวน น.ส.นันทพร ทำหน้าที่เทรนงาน และน.ส.จรรยา ที่โพสต์โฆษณาหางาน และดูแลการเดินทาง นอกจากนี้ยังออกหมายจับนายนิกกี้ สัญชาติปากีสถาน ทำหน้าที่ บังคับข่มขู่ผู้เสียหาย นายอาหลิว ทำหน้าที่เก็บเงินค่าบริการ,หญิงชาวจีน ทำหน้าที่รับ-ส่ง ผู้เสียหาย และนายอีซี่ สัญชาติไนจีเรีย ทำหน้าที่บังคับข่มขู่ให้ผู้เสียหายทำงานอีกด้วย
จากการสอบสวน น.ส.นันทพร ให้การว่า ตนแค่ทำหน้าที่สอนนวด และเทรนงานต่างๆ ได้ค่าเทรน 3 พันบาทจากน.ส.จรรยา ส่วนนายภานุวัฒน์ให้การว่า ทำหน้าที่เชิญชวนหาคนไปทำงานที่เมืองดูไบ ได้ค่าหัว 1 หมื่นบาท ส่วนน.ส.จรรยา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
“จากการตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่เดือนพ.ค. – พ.ย.65 ผู้ต้องหารายนี้มีเงินหมุนเวียนในบัญชีมากกว่า 4 ล้านบาท โดยพบข้อมูลการเดินทางของเหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงานอีกเป็นจำนวนมากด้วย จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปคม.ดำเนินคดีต่อไป”
ด้าน นายสิบหมื่นชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับโพสต์โฆษณาชักชวนไปทำงานต่างประเทศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ส่วนใหญ่มักจะพยายามชักจูงด้วยการแอบอ้างว่าไม่เสียค่าใช้จ่าย รายได้ดี จนมีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก ซึ่งในทางกลับกันอาจเป็นกลลวงของมิจฉาชีพที่ใช้หลอกเหยื่อให้ไปค้าประเวณี จนทำให้ประชาชนหลายคนตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ จึงขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนจะเดินทาง