ข่าว

ไขข้อเท็จจริง "เดลตาครอน" สายพันธุ์ลูกผสม จะเบียดแทนที่ โอไมครอน ได้หรือไม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไขข้อเท็จจริง "เดลตาครอน" สายพันธุ์ลูกผสม เดลตา กับ โอไมครอน BA.2 กลายพันธุ์ได้อย่างไร จะเบียดแทนที่ "โอไมครอน" ได้หรือไม่

โควิด19 สายพันธุ์ลูกผสม ระหว่าง เดลตา กับ โอไมครอน BA.2 ซึ่งมีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "เดลตาครอน" นั้น เมื่อดูจากสถานการณืที่มีการแพร่ระบาดในทั่วโลกขณะนี้ จะพบว่า สายพันธุ์ลูกผสมนี้ ได้เริ่มมีการกระจายไปในหลายประเทศ รวมไปถึงในประเทศไทย ที่ล่าสุด ได้พบผู้ติดเชื้อแล้ว 1 ราย แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่ามีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน

 

 

ขณะที่การระบาดของ โควิด19 ในหลายประเทศนั้นได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น พบผู้ติดเชื้อรายวันมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงจำนวนผู้ติดเชื้อ "เดลตาครอน" ที่มีการกลายพันธุ์ออกเป็นสายพันธุ์ย่อยออกมาอีกหลายสายพันธุ์

 

 

ไขข้อเท็จจริง "เดลตาครอน"

 

"หมอยง" ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ก Yong Poovorawan กล่าวถึง การเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของไวรัส เกิดขึ้นได้จากการค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กละน้อย ด้วยการเปลี่ยนพันธุกรรม และทำให้สร้างกรดอะมิโนเปลี่ยนแปลงไป

 

 

อย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์จาก แอลฟา เบตา เดลตา โอไมครอน เปลี่ยนแปลงบนยีนของหนามแหลม spike ทำให้ระบบภูมิต้านทานเปลี่ยนแปลง โอไมครอน ยังเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อยไปเป็นลูกหลาน BA.1 BA.2…BA.5.. เปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย ก็ยังเป็นโอไมครอนอยู่

 

 

สายพันธุ์ โอไมครอน อยู่นานมากอยู่มา 1 ปีแล้ว การแยกสายพันธุ์ ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มของสายพันธุ์อู่ฮั่นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเพื่อความอยู่รอดของไวรัส ที่ผ่านมาตัวที่แพร่พันธุ์ได้เร็ว ความรุนแรงน้อย ก็จะอยู่รอด และเกิดสายพันธุ์ใหม่ เรื่อยมา อัตราการเสียชีวิตก็ลดลงมาโดยตลอด

 

 

การเปลี่ยนแปลงชนิดที่ 2 เป็นการแลกชิ้นส่วนต่างสายพันธุ์ หรือ ผสมส่วน ที่เรียกว่า recombination เราพบได้เห็นในไวรัสหลายชนิดเช่น ไวรัสที่ทําให้เกิดโรคมือเท้าปาก ไวรัสท้องเสีย norovirus เกิดได้จากการที่มีไวรัส 2 สายพันธุ์ติดเชื้อในผู้ป่วยคนคนเดียวกันแล้วไปแลกชิ้นส่วนกัน เกิดเป็นลูกผสม หัวเป็น สายพันธุ์หนึ่ง หางเป็นสายพันธุ์หนึ่ง

 

สายพันธุ์ โควิด

 

ดังนั้น "เดลตาครอน" จะเกิดได้ จะต้องมีผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์ เดลตา ร่วมกับ โอไมครอน จึงจะเกิดลูกผสมแต่ขณะนี้ แทบจะไม่พบสายพันธุ์เดลตา จะเกิดลูกผสม "เดลตาครอน" ได้อย่างไร เมื่อไม่มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ คิดแบบง่ายๆ

 

 

มีการพูดถึง "เดลตาครอน" จะเป็นเพียงชิ้นส่วนเล็กๆ ของสายพันธุ์ เดลตา ที่มีการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนคล้ายคลึงกับสายพันธุ์ เดลตา ในสายพันธุ์ โอไมครอน เชื่อว่าไม่ได้เป็นการแลกชิ้นส่วนกัน และตั้งชื่อเป็น XBC และทางองค์การอนามัยโลกก็ไม่ได้มีการกำหนดชื่อใหม่หรือสายพันธุ์ใหม่ว่าเป็น "เดลตาครอน" หรือให้ความสำคัญแต่อย่างใด ตอนนี้ก็ยังมีแต่ แอลฟา เดลตา โอมิครอน และมีสายพันธุ์ย่อยการที่เราคุ้นหูกัน 

 

 

ใครจะเรียก "เดลตาครอน" ขณะนี้ก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไร การรายงานเข้าไปในธนาคารรหัสพันธุกรรม GISAID สายพันธุ์นี้ก็ไม่ได้เป็นสายพันธุ์เด่นอะไรเลย และไม่มีความสำคัญในขณะนี้ไม่ว่าในอัตราการแพร่กระจายที่พบ หรือความรุนแรงที่พบ 

 

 

สายพันธุ์ที่พบมากทั่วโลกขณะนี้ เป็นสายพันธุ์ย่อย โอไมครอน BA.2.75 และ BQ.1.1 บ้านเราขณะนี้เป็น BA.2.75 และก็คงจะตามมาด้วย BQ.1.1 ในอนาคตอันใกล้

 

การแพร่ระบาด โควิด19

 

 

"เดลตาครอน" จะเบียด โอไมครอน เข้ามาก่อปัญหาได้หรือไม่ ?

 

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ได้อธิบายถึง ไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ลูกผสมระหว่าง "เดลตา" และ "โอไมครอน BA.2" ที่มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "เดลตาครอน" พบระบาดในฟิลิปปินส์มากกว่า 193 ราย ทั้งยังพบแพร่ติดต่อหลายประเทศในอาเซียน แต่ยังไม่พบอาการที่รุนแรง

 

 

เดลตาครอนสายพันธุ์ลูกผสมระหว่าง "เดลตา" และ "โอไมครอน BA.2" ทั่วโลกพบประมาณ 4 สายพันธุ์หลัก ปริมาณแต่ละสายพันธุ์อยู่ในระดับหลักร้อย คือ 

 

1. XAY และสายพันธุ์ย่อย XAY.1, XAY.2

2. XBA

3. XBC และสายพันธุ์ย่อย XBC.1, XBC.2 และ XBC.3 

4. XAW  

 

แม้ว่า XBC มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าเดลตาครอนสายพันธุ์ลูกผสมอื่น แต่มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดใกล้เคียงกับ BA.5, BA.2.75, XBB และ BQ.1 ดังนั้นจึงไม่ง่ายนักที่ "เดลตาครอน" XBC จะระบาดแซงหน้าบรรดาไวรัสโคโรนาที่มีการระบาด ในประเทศไทยมาก่อนหน้า (BA.5,BA.2.75,XBB,XBB.1,BN.1,BF.7, BQ.1,BQ.1.1.10, CH.1.1)

 

 

จากการทดลองในหลอดทดลองพบว่า ยาฉีดแอนติบอดีสร้างภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป เช่น อีวูชิลด์ ( Evusheld ) สามารถเข้าจับและยับยั้งการเพิ่มจำนวนของสายพันธุ์ BA.5, BA.2.75, BN.1 และ เ"เดลตาครอน" XBC ได้ แต่สำหรับสายพันธุ์ XBB,XBB.1,BQ.1,BQ.1.1 พบว่าดื้อต่อแอนติบอดีสร้างภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป เกือบทุกชนิด

 

การทดลอง ยาฉีดแอนติบอดี

 

 

การแพร่ระบาด "เดลตาครอน" สายพันธุ์ลูกผสมทั่วโลก

 

จากข้อมูลจากฐานข้อมูล โควิด โลก "กิสเสด (GISAID)" พบ "เดลตาครอน" สายพันธุ์ลูกผสมทั่วโลก


1. "เดลตาครอน" XAY และสายพันธุ์ย่อย มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 ประมาณ 38%

- XAY   พบจำนวนประมาณ 30 ราย    

- XAY.1 พบจำนวนประมาณ 20 ราย

- XAY.2 พบจำนวนประมาณ 20 ราย

 

2. XBA จำนวนประมาณ 6 ราย ความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด น้อยกว่า BA.5 ประมาณ -15%

 

3. "เดลตาครอน" XBC และสายพันธุ์ย่อย มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 ประมาณ 45%

- XBC จำนวนประมาณ 25 ราย

- XBC.1 จำนวนประมาณ 147 ราย

- XBC.2 จำนวนประมาณ 132 ราย

- XBC.3 จำนวนประมาณ 170 ราย

 

4. "เดลตาครอน" XAW มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5  ประมาณ 1%

- XAW จำนวนประมาณ 48 ราย

 

XBC มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 และ BA.2.75 ประมาณ 18% และ 35%

XBB มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า XBC ประมาณ 41% 

BQ.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า XBB ประมาณ 9%

 

การแพร่ระบาด

 

 

ภาพ : Yong Poovorawan / Center for Medical Genomics

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ