ข่าว

"บิ๊กโจ๊ก" ประสานทางการลาว จับ 2 หัวโจกปล้น-ฆ่าพ่อค้ารถหลุดจำนำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รอง ผบ.ตร.ประสานทางการ "ลาว" รวบตัว 2 ผู้ต้องหา หัวโจกปล้น-ฆ่าพ่อค้ารถหลุดจำนำคาทางเข้าสนามบินขอนแก่น ส่งตัวดำเนินคดีในประเทศไทย หลังหลบหนีข้ามพรมแดน ระบุแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างทางการไทย-ลาว

จากกรณีเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 9 ตุลาคม ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น ได้รับแจ้งเหตุพบศพ นายพนม ทิพย์รัตนมงคล อายุ 40 ปี เสียชีวิตในสภาพมือข้างซ้ายกำสร้อยคอรูปพรรณน้ำหนัก 1 บาท มือขวากำพระเลี่ยมทอง มีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณด้านหลังทะลุหน้าอก 1 แผล และพบรอยกระสุนปืนบริเวณโคนอวัยวะเพศ 2 แผล เหตุเกิดที่บริเวณทางเข้าสนามบินขอนแก่น ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่นนั้น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.  ดำเนินการสืบสวนติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ คนร้ายมีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ


ต่อมาตำรวจสืบสวนพบว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 8 ต.ค. ผู้เสียชีวิต ได้มีการเสนอขายรถกระบะอีซุซุ ดีแม็ก สีขาว  กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็น"รถหลุดจำนำ"  ให้กับนายพันธรัตน์ หรือโก้ หาญสุริย์ โดยได้มีการตกลงกันว่า จะมีการโอนเงินค่ามัดจำก่อน 19,000 บาท แล้วจะมีการจ่ายเงินที่เหลือตอนที่มีการนัดรับรถจริง 

จากนั้นในวันเดียวกัน ได้มีการนัดส่งมอบรถดังกล่าวที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ใน อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด โดยนายพนม ได้พาเพื่อนไปด้วย 2 คน ส่วนในฝั่งนายพันธรัตน์ได้ไปกับนายจิราวุฒิ หรือเบนซ์ ทองสืบสาย แต่เมื่อพบกันแล้ว ทางนายพันธรัตน์ อ้างว่า เงินสดที่เตรียมมาไม่พอจ่าย โดยจะมีเงินโอนจากประเทศลาวมาในเช้าวันรุ่งขึ้น จึงเลื่อนการนัดรับรถออกไป และแยกย้ายกันกลับ 

 

กระทั่งเช้าวันที่ 9 ต.ค. เวลาประมาณ 05.00 น. นายพันธรัตน์ได้นัดให้นายพนม ขับรถคันดังกล่าวมาส่งมอบให้ที่บริเวณทางเข้าสนามบินขอนแก่นที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบว่า ทางฝั่งนายพันธรัตน์มากัน 5 คน โดยขับรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว มาด้วย ได้มีการลงไปพูดคุยกัน จากนั้นนายพันธรัตน์ได้ชัก อาวุธปืน ออกมา นายพนมพยายามวิ่งหนี แต่ถูกนายพันธรัตน์ ยิง 3 นัด จนล้มลงและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ก่อนขับรถกระบะที่นายพนมนำมา หลบหนีไปทั้งหมด

 

หลังทราบข้อมูลดังกล่าว "ตำรวจ" จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายพันธรัตน์ หรือโก้ (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี นายจิราวุฒิ หรือเบนซ์ ทองสืบสาย อายุ 26 ปี นายธนพล หรือเอ๊กซ์ วงษ์สมบูรณ์ อายุ 22 ปี นายเกียรติศักดิ์ หรือบาส จรัสกาย อายุ 26 ปี และนายอภิชาต หรือฟิว ถะเกิงสุข อายุ 22 ปี

ในความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ ใช้ปืนยิงเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร และร่วมกันมี ใช้อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาต” 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุม นายธนพล นายเกียรติศักดิ์ และนายอภิชาต ได้เรียบร้อย ส่วนนายพันธรัตน์ และนายจิราวุฒิ สืบสวนทราบว่า ได้หลบหนีข้ามพรมแดนไปยัง สปป."ลาว"  จึงได้มีการประสานทางการ "ลาว" เพื่อขอความร่วมมือในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองราย จนสามารถติดตามจับกุมได้ และนำตัวมาส่งมอบที่ด่าน ตม.จว.หนองคาย เพื่อรับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ เนื่องจากกลุ่มคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจโดยใช้"อาวุธปืน"ยิงสังหารผู้ตายอย่างเหี้ยมโหดก่อนจะลักเอารถกระบะไป 

จากการสืบสวนขยายผลพบว่า หลังจากที่จับกุมผู้ก่อเหตุที่หลบหนีในประเทศได้แล้ว ทราบว่ามีผู้ก่อเหตุหลบหนีไปยัง สปป."ลาว"  จึงได้มีการประสานขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ทางการ สปป."ลาว" เพื่อช่วยในการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ และนำกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยจนได้ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยและลาวที่พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกันในการปราบปรามอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในทั้งสองประเทศ จึงขอขอบคุณในความร่วมมือดังกล่าวไว้ในที่นี้

นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้ความสนใจในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาแม้จะหนีไปต่างประเทศก็ตาม ถือเป็นการสร้างความมั่นใจในการทำงานของ"ตำรวจ"ในสายตาของประชาชนในพื้นที่มากยิ่งขึ้น

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ