
อยากอวดรวยต้องเลี้ยงหมาทิเบต
มลฤดี จันทร์สุทธิพันธุ์
ที่ผ่านมา ชาวจีนที่ต้องการอวดว่าตัวเองเป็นคนมีเงินมักจะใช้สินค้าสุดฟุ่มเฟือยเช่นการอยู่แมนชั่นสุดหรู หรือใช้รถยนต์คันโก้ แต่ตอนนี้ ในคู่มือคนรวยของจีนต้องรวมอีกสิ่งหนึ่งเข้าไปด้วย นั่นคือ สุนัขพันธุ์ทิเบต เจ้าขนปุยที่ชาวทิเบตเคยใช้วิ่งไล่ต้อนแกะมาตั้งแต่อดีตกาล
ก่อนหน้านี้พรรคคอมมิวนิสต์จีนเคยสั่งห้ามเลี้ยงสัตว์เลี้ยง แต่วันนี้ ชาวจีนทั้งหลายกำลังตัวสั่นอยากจะเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงสักตัว และหมาทิเบตก็กลายเป็น "หมาแห่งยุค" สำหรับผู้ที่ต้องการแผ่ขยายความร่ำรวยของตัวเองนอกเหนือไปจากหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์
"ผมเคยลงทุนเลี้ยงสุนัขพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด แต่สุนัขพันธุ์ทิเบตกำลังเป็นที่นิยมมากตอนนี้" สุย หุยเจิ้ง เจ้าของธุรกิจส่วนตัวผู้มีหมาพันธุ์นี้เกือบ 20 ตัวไว้ในครอบครอง และนำเข้าร่วมงานเอ็กซ์โปสุนัขทิเบตครั้งที่ 6 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยกล่าว
เจ้าขนปุยหลายร้อยตัวพากันเดินตบเท้าเข้าร่วมงาน แต่ตัวที่ติดอันดับแพงที่สุดถึงจะได้รับเลือกให้ขึ้นไปเดินบนแคทวอล์กในฐานะนายแบบนางแบบ บางตัวได้รับการตั้งชื่อตามมหาเศรษฐีชาวอเมริกันอย่าง "วอร์เรน บัฟเฟต์" ในขณะที่อีกหลายตัวก็ได้รับการตั้งชื่อแสนเลิศเลอว่า "เทพเจ้า" หรือ "เจ้าชาย"
เพื่อสร้างมูลค่าให้เจ้าสุนัขทิเบตเหล่านี้ ผู้เพาะพันธุ์ต่างเต็มใจที่จะจ่ายเงินหลายหมื่นดอลลาร์สหรัฐเพื่อจับคู่ให้แก่หมาของตัวเอง โดยสุยต้องควักกระเป๋าถึง 4.3 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.4 ล้านบาท) ตั้งบูธ และติดโปสเตอร์ขนาดใหญ่เพื่ออวดสุนัขที่ตัวเองเลี้ยงไว้ให้ผู้สนใจเข้ามาถามไถ่ถึงการผสมพันธุ์
แล้วมันก็ได้ผล เพราะสุนัขพันธุ์ดีที่สุดของสุยชื่อเจ้า "คิง" หรือ "พระราชา" แค่ตัวเดียว ก็สามารถทำเงินให้เขาได้ถึง 4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐแล้ว (ราว 1.3 ล้านบาท)
ความบ้าคลั่งนี้เองที่ดูจะขัดต่อรูปแบบการค้าขายและสามัญสำนึกของคนทั่วไป โดยเฉพาะกับ "หมา" ที่มีขนหนาปุยเหมือนสิงโต หนักถึง 80 กิโลกรัม และขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายพันธุ์นี้
"ฉันเข้าใจเรื่องการโอ้อวดเรื่องม้า หรือการสะสมเพชรนะ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้มีคนอยากจะจ่ายเงินครึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16 ล้านบาท) ไปกับการซื้อหมามาแค่ตัวเดียว" มาร์ธา เฟลเทนสไตน์ ประธานสมาคมสุนัขทิเบตในอเมริกา กล่าว
"พวกมันมักมีอายุขัยสั้น และไม่ได้หายากอะไรมากมาย เลยเป็นเรื่องค่อนข้างจะสับสนว่าเหตุใดถึงได้มีการปั่นราคาในจีนให้สูงขนาดนั้น" มาร์ธากล่าว
ในสหรัฐ ลูกสุนัขทิเบตสามารถหาซื้อได้ง่ายในราคาเพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์ แต่สำหรับผู้เพาะพันธุ์สุนัขในจีน สุนัขทิเบตตัวเต็มวัยสามารถขายได้หลายหมื่นดอลลาร์ บางตัวสามารถถีบราคาขึ้นไปได้มากกว่า 1 แสนดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว (ราว 3.3 แสนบาท)
หนึ่งในนั้น คือเจ้าสุนัขทิเบตที่เศรษฐีนีชาวจีนคนหนึ่งซื้อไปในราคากว่า 6 แสนดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 20 ล้านบาท) พร้อมส่งขบวนรถเบนซ์สีดำกว่า 30 คันไปรับถึงสนามบินไปยังบ้านของเธอที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจีน
หลังจากที่ละลายเงินไปกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในออสเตรเลีย สหรัฐ หรือซื้อสินค้าแฟชั่นจากดีไซเนอร์ดังของยุโรป ตอนนี้คนรวยชาวจีนเริ่มมองว่าหมาทิเบตก็เป็นอีกหนึ่งในสัญลักษณ์ของการบ่งบอกสถานะความมั่งคั่ง โดยปัจจุบัน จีนเป็นบ้านของเศรษฐีโลกถึง 825,000 คน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ ขณะที่ตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยหรือสินค้าหรูของจีนก็เป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
แม้แต่สำนักข่าวซินหัวของจีนยังเคยทำข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เศรษฐีหนุ่มชาวจีนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงปักกิ่ง และนครเซี่ยงไฮ้ จะต้องมีคือการมีภรรยาสาวสวย มีรถลัมโบกินี่ และหมาทิเบต ด้วยเหตุผล "ใหญ่กว่า ดุกว่า ย่อมดีกว่า"
"คุณสามารถเรียกมันว่าเป็น สินค้าหรูยี่ห้อท้องถิ่นได้เลยล่ะ สินค้ายี่ห้อหรูกำลังเติบโตในอัตรารวดเร็วเป็นประวัติการณ์ และการเป็นเจ้าของหมาทิเบตเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะเพิ่มความน่าเชื่อถือ และอวดสถานะว่าตัวเองรวยขนาดไหน" รูเพิร์ธ ฮูเกเวิร์ฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในเซี่ยงไฮ้ ผู้รวบรวมรายชื่อคนรวยในจีน กล่าว
นอกจากจะเป็นเครื่องแสดงสถานะแล้ว เจ้าหมาทิเบตเองก็มีลักษณะเหมือนเงินทองเองอยู่แล้ว ด้วยความที่มันมีขนปุยคล้ายสิงโต อันเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งในธรรมเนียมจีน
"เราต้องการสุนัขที่เลี้ยงขึ้นในประเทศ และหมาเฝ้าบ้านตัวนี้ก็สมบูรณ์แบบ เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีสำหรับชาวจีนมาตลอด" อู๋ ยุนเหลียง เจ้าของ "เจ้าวอร์เรน บัฟเฟต์" และหมาทิเบตอีกเกือบ 20 ตัวกล่าว โดยเขาเลี้ยงเจ้าขนปุยเหล่านี้ไว้ที่ที่พักคนชราแห่งหนึ่งที่เขาเป็นเจ้าของในเมืองไท่หยวน
แต่ถึงจะมีคนอยากเลี้ยงด้วยสาเหตุต่างๆ นานา แต่สำหรับสุย เขายอมรับว่า สิ่งที่ทำให้เขาหันมาสนใจเลี้ยงหมาทิเบต เป็นเพราะกำไรงาม ไม่ได้พิศวาสมันเท่าใดนัก
"ผมไม่ค่อยแตะหรือเล่นกับมันมากเท่าไหร่" สุยกล่าวพร้อมปล่อยให้คนดูแลคอยแปรงขนปุยของเจ้าหมาทิเบตกว่าสิบตัวของเขา
คนเข้าชมงานเอ็กซ์โปทั่วไป ได้รับคำแนะนำให้ดูเจ้าหมาทิเบตอยู่ห่างๆ เท่านั้น เพราะมันไม่เป็นมิตรต่อคนแปลกหน้า ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับการเฝ้าฝูงสัตว์ที่มันดูแลบนที่ราบสูงทิเบต ต้นกำเนิดของพวกมัน
หม่า จูเหริน อดีตโค้ชกรีฑาผู้อื้อฉาวได้กลายเป็นอีกคนที่หลงใหลในความองอาจของหมาทิเบตเมื่อตอนที่เขาได้ขึ้นไปฝึกนักวิ่งระยะไกลหญิงคนหนึ่งบนที่ราบสูงทิเบตในช่วงปลายทศวรรษที่ 2523 โดยหม่าอ้างว่า การฝึกบนพื้นที่สูง และการกินเลือดเต่ากับเชื้อราจากหนอนมีส่วนช่วยทำให้นักวิ่งสร้างสถิติโลกได้ แต่ต่อมาภายหลัง มีนักกีฬาบางคนถูกจับได้ว่าใช้สารกระตุ้น ทำให้หม่าเสียชื่อเสียง อำลาวงการโดยยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งสิ้น
นอกจากนี้ อดีตโค้ชหม่ายังได้กระตุ้นให้บรรดาผู้เพาะพันธุ์หมายกมาตรฐานการเลี้ยงให้ดีขึ้นเพื่อให้จีนสามารถเข้าองค์การสุนัขโลก ซึ่งเป็นสมาพันธ์สุนัขระหว่างประเทศ ที่ไม่ยอมให้จีนเข้าเป็นส่วนหนึ่งขององค์การ เนื่องจากขาดการควบคุมเรื่องการฉีดวัคซีน
"ผมหวังว่าคนรักหมาทิเบตของเราจะจริงใจ เราไม่ต้องการเห็นหัวขโมย อาชญากรหรือพวกคดโกงอะไรทั้งนั้น" อดีตโค้ชหม่ากล่าวทิ้งท้าย
ที่มา เอพี