ข่าว

"มัลลิกา" เตือน หยุดคิดทำลาย "ประชุมเอเปค" ช่วยกันสร้างโอกาสให้ประเทศ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"มัลลิกา" เตือน หยุดหิวแสง คิดทำลาย "ประชุมเอเปค" ชี้ต้องมีมารยาท-กาลเทศะ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้กับประเทศ

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพการ "ประชุมเอเปค 2022" หรือการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเราประชุมมาตลอดทั้งปี พ.ศ.2565 ในนามรัฐมนตรีเอเปค แต่สำหรับช่วงสุดยอดผู้นำเอเปคจะเกิดขึ้น 18-19 พ.ย.2565 นี้นั้นเป็นบทสรุปที่สำคัญที่สุดแล้ว เพราะเป็นการประชุมผู้นำเอเปคที่ประเทศเรามี "นายกรัฐมนตรี" เป็น "ผู้นำ" ส่วนประเทศไทยของเราก็เป็นเจ้าภาพและเราเคยเป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ. 2535 และ 2546 เท่านั้น

 

ดร.มัลลิกา มองว่า ช่วงเวลาแบบนี้ควรเว้นไว้ซึ่งความคิดทางการเมือง อคติทางการเมืองหรือความไม่พอใจผู้นำทางการเมือง แต่ควรมีมารยาทและกาลเทศะ ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดี เพราะ โอกาสเวทีระดับโลก ไม่ได้มีโอกาสบ่อย อะไรที่จะทำให้ประเทศเสียหายก็ไม่ควรทำโดยเฉพาะความรุนแรงทั้งปวง 

สิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุดของการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค คือ การค้า เพราะเป็นการหารายได้เข้าประเทศและโดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เราก็นำรายได้ด้านการส่งออกเข้าประเทศเป็นหลัก และใน 21 เขตเศรษฐกิจ ต่างมีความมุ่งมั่นผลักดันและกำหนดทิศทางผ่านการแสดงวิสัยทัศน์และมุมมองที่หลากหลายในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อฝ่าวิกฤต โควิด-19 ไปด้วยกัน รวมทั้งการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตามหัวข้อหลักของการประชุมเอเปคประจำปี 2022 ที่ประเทศไทยกำหนดขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ "เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์เชื่อมโยงกันสู่สมดุล" หรือ "Open. Connect. Balance"

 

ดร.มัลลิกา ยกตัวอย่างผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานนั้น มีความได้เปรียบและคืบหน้ามากจะรวมอยู่ในรายงานในการประชุมสุดยอดผู้นำที่กำลังจะมาถึงและถือว่าทางด้านเศรษฐกิจการค้านั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และที่ผ่านสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ต้องยอมรับด้วยว่าวิกฤติสร้างวีรบุรุษด้วยผลงานกระทรวงพาณิชย์ที่ขยายการค้าไปทั่วโลก ทั้งตลาดดั้งเดิม ตลาดเก่า ตลาดใหม่ ที่ได้โอกาสเปิดกว้างและเปิดเสรีทางการค้ากับคนมากว่าครึ่งค่อนโลก คือ ทุกประเทศทุกเขตเศรษฐกิจเห็นร่วมกันทางการค้า คือจะนำเอเปค ไปสู่การจัดทำ FTAAP หรือ Free Trade Area of the Asia-Pacific ให้เกิดขึ้นในอนาคต 

จากนั้นเราจะเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจ ทั้งในส่วนของบุคคลหรือสินค้าและบริการ ได้มีการตั้งคณะทำงานที่เรียกว่า APEC Safe Passage Task Force เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปให้เกิดผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น เรายังมุ่งเน้นการสร้างสมดุลในด้านสิ่งแวดล้อม ด้านพลังงานและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายทุกระดับตั้งแต่คนตัวใหญ่จนกระทั่งถึงคนตัวเล็ก ในระดับ SMEs และMicro-SMEs เแรงงาน ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง สตรีและอื่นๆ 

 

ซึ่งสิ่งนี้เป็นเพียงด้านการค้าและเศรษฐกิจการพาณิชย์บางส่วน แต่ยังมีด้านอื่นๆที่มี ทั้งมิติด้านความมั่นคง สังคม การเมือง ทรัพยากร มากมาย ล้วนเป็นเรื่องระดับโลก การที่เราจะชุมนุมแสดงความคิดเห็นอาจจะเป็นสิทธิ์แต่มันมีขอบเขตตรง กติกา-มารยาท-กฎหมาย ถ้าเราอยู่ภายใต้สิ่งเหล่านี้ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่ถ้าคิดและทำมากกว่านี้ อันนี้ไม่น่าจะมีใครยอม เพราะประเทศชาติสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

 

" การที่ใครจะหาแสง หิวแสง แล้วทำการรุนแรงใดๆรอบที่พักและสถานที่ประชุม เวทีนี้ด้วยอคติและต้องการแสดงตัวต่อใครก็ตามล้วนเป็นการทำบนความเสียหายของชาติ ไร้มารยาท ขาดความรู้เท่าทัน ขาดกาลเทศะและถ้าคิดจะทุบการประชุมเหมือนกลุ่มเก่ารุ่นก่อนก็สิ้นคิดมาก " ดร.มัลลิกา กล่าวทิ้งท้าย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ