ข่าว

สตม. กวาดล้างต่างชาติผิดกฎหมาย สร้างความเชื่อมั่นก่อน "เอเปค" พรุ่งนี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สตม. ระดมกวาดล้างต่างชาติผิดกฎหมาย เน้น Overstay หมายจับอินเตอร์โพล สร้างความเชื่อมั่นก่อนห้วงประชุม "เอเปค" พรุ่งนี้

พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการตำรวจทั่วประเทศระดมกำลังปราบปรามอาชญากรรม พร้อมกำชับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. กวาดล้าง สืบสวนจับกุม ผู้กระทำความผิดตาม "พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522" เน้นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay)รวมถึงเตรียมความพร้อม ดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 14 - 19 พ.ย. 65 

 

ล่าสุดวันนี้ 13 พ.ย.65 พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. เปิดเผยผลดำเนินงานกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงระหว่างวันที่ 10 ต.ค. - 12 พ.ย.65 มีดังนี้  

 

- สามารถจับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay)ได้ทั้งสิ้น 785 ราย จับกุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง  1,249  ราย  (ลาว  770,  เมียนมา 349,  กัมพูชา 108, อื่นๆ 22)
- ดำเนินการประชาสัมพันธ์การแจ้งที่พักอาศัยตามมาตรา 38 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ในพื้นที่ กทม. จำนวน  2,723 แห่ง  และมีผลการเปรียบเทียบปรับ กรณีเจ้าบ้านหรือผู้ครอบครองเคหสถานไม่แจ้งที่พักอาศัยกรณีรับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยตาม ม.38 จำนวน 587 ราย   
- สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย บก.ตม.2 มีการปฏิเสธคนต่างด้าวในการขอเข้ามาในราชอาณาจักรไทย  จำนวน  2,453  ราย 
- สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับ ตำรวจท่องเที่ยว รวมกว่า 550 นาย เปิดปฏิบัติการ Operation X-ray พื้นที่จุดเสี่ยงในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวที่อยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) จำนวน 7 ราย  จับกุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 1 ราย  เปรียบเทียบปรับเจ้าบ้านหรือผู้ครอบครองเคหสถานไม่แจ้งที่พักอาศัยกรณีรับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยตาม  ม.38 จำนวน 17 ราย 

- บก.สส.สตม. จับกุม นายเชา (นามสมมุติ)  อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ชาวจีนมีหมายจับข้อหาสวมบัตรประชาชน ซึ่งตำรวจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน , เป็นผู้สนับสนุนในการขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทยฯ โดยการนำหมายค้นศาลอาญาเข้าค้นอาคารพาณิชย์ ย่านสุทธิสาร พร้อมทั้งได้ตรวจยึดของกลาง จำนวนหลายรายการ อาทิ เช่น ชุดเครื่องแบบทหารพร้อมติดป้ายชื่อของผู้ต้องหา , คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง , รถยนต์ จำนวน 2 คัน , โฉนดที่ดินจำนวน  3  ใบ , บัตรประชาชนจีน 1 ใบ , หนังสือเดินทาง จำนวน 3 เล่ม เป็นต้น เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน ทำการตรวจสอบว่ามีการกระทำความผิดอื่นใดอีกหรือไม่  

จากการสืบสวนก่อนจับกุม พบว่า ผู้ต้องหามักใช้รถติดธงประจำประเทศไทยและจีน คล้ายกับรถของสถานทูต และยังมีรถนำขบวนอีก 1 คัน โดยคาดว่าเป็นทะเบียนรถปกติ ไม่ใช่รถของสถานทูตแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าเป็นการพยายามทำให้ดูเหมือนรถของสถานทูตเท่านั้น และได้จับกุมนายศตวรรษ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี สัญชาติไทย คนขับรถของนายเชา (นามสมมติ) พร้อมของกลาง วิทยุสื่อสารยี่ห้อ SRENDER จำนวน 1 เครื่อง ในข้อหา มีและใช้งานเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนี้ยังได้สืบสวนขยายผล จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย นายสามารถ (นามสมมุติ)  สัญชาติไทย ในข้อกล่าวหา "ร่วมกันมีไว้ในครอบครอง  ซึ่งสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษี มาตรา 203 พรบ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560" และ นายอานำ (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ในข้อกล่าวหา "ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษี มาตรา 203 พรบ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 และเป็นคนไม่มีสถานะทางทะเบียน ออกนอกเขตพื้นที่ควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต" พร้อมของกลางสุรา บรรจุในภาชนะภายในกล่อง  จำนวน  40  ขวด

- บก.สส.สตม. ร่วมกับตำรวจจีนจับกุมผู้ต้องหาตามหมายอินเตอร์โพล(RED NOTICE)  สัญชาติจีน  จำนวน 2 ราย  นำส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อผลักดันออกนอกราชอาณาจักร 

นายหลี่ (นามสมมุติ) สัญชาติจีน อายุ 27 ปี หลบหนีมาอยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยมีข้อหาในการกระทำความผิดคือฉ้อโกงประชาชนผ่านแอพพลิเคชั่น มีผู้เสียหายกว่า 400,000 ราย ความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท จากการสืบสวนพบว่าได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ย่านสุทธิสาร กรุงเทพมหานคร 

นายฮู (นามสมมุติ) สัญชาติจีน อายุ 40 ปี หลบหนีมาอยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยมีข้อหาในการกระทำผิดคือ ครอบครองสิ่งของต้องห้าม และปลอมเอกสาร 

- บก.สส.สตม. จับกุมนายจาง (นายสมมุติ) สัญชาติไต้หวัน ผู้ต้องหาปลอมหนังสือเดินทาง เข้ามาในราชอาณาจักรไทย จากการสืบสวนยังทราบว่านายจาง เป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ประเทศฟิลิปินส์ จึงถือว่ามีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าเป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน

 

การดำเนินการครั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เน้นค้นหาจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522  และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งคนต่างด้าวที่มีหมายจับ โดยเมื่อมีการจับกุมผู้กระทำความผิดได้แล้ว จะทำการขยายผลการจับกุมทุกรายเพื่อให้ทราบถึงผู้ร่วมกระทำความผิด เครือข่ายของผู้กระทำความผิด และให้ดำเนินการติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิด/เครือข่ายของผู้กระทำความผิดต่อไป  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ