"ชูวิทย์" ปะทะ "สันธนะ" มวยถูกคู่ รอลั่นระฆังยกที่สอง

เหตุปะทะคารม ระหว่าง "จอมแฉ"ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง กับ "รองต่อ" สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล ถือเป็น"มวยถูกคู่" ที่คนดูต้องจับตามอง รอลุ้นในยกต่อๆไป เนื่องจาก ทั้งอายุ น้ำหนัก ส่วนสูง ชั้นเชิง หรือประสบการณ์ เมื่อทำการ"เปรียบมวย" จะพบว่า "พอฟัดพอเหวี่ยง"กัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันมาก

"จอมแฉ"ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นอดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ส่วน "รองต่อ" สันธนะ ประยูรรัตน์ เป็นอดีตนายตำรวจสันติบาล ทั้งคู่จัดว่าคร่ำวอดในแวดวง"ยุทธจักรสีเทา" โดย"จอมแฉ" เคยเป็นเจ้าของธุรกิจ"อาบอบนวด"เครือเดวิดกรุ๊ป ขณะที่ "รองต่อ"อยู่ในเส้นทางสายนักเลง และวงการพนัน

เหตุการณ์เหตุปะทะคารมของทั้งคู่ เกิดขึ้นเมื่อวานนี้(5 พ.ย.65) ช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมง ณ โรงแรม Davis Hotel Corner Wing ภายในซอยสุขุมวิท 24 ของนายชูวิทย์ "รองต่อ"นายสันธนะ ได้ไปแจ้งตำรวจ สน.ทองหล่อ เมื่อช่วงตีสี่ที่ผ่านมาว่า สถานบริการดังกล่าว เปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด และมีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุม โดยนายชูวิทย์ ได้เป็นคนนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ

หลังการตรวจสอบเสร็จสิ้น "มวยคู่เอก"ก็ขึ้นเวทีปะทะคารมกันอย่างดุเดือด โดยนายชูวิทย์ ชี้แจงว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา การที่นายสันธนะ นำคลิปภาพ และไม่รู้ได้ว่านักเที่ยวเข้าไปทำอะไร เพราะชาวต่างชาติจะไม่ถือเรื่องการเข้าห้องน้ำชายหญิง ถ้าผิดจริงไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็สามารถดำเนินคดีตนเองได้

ขณะที่ นายสันธนะ ยืนยันว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นไปตามที่ตนกล่าวอ้าง เพราะเมื่อคืนวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนเองให้ทีมงานเข้าไปหาข้อมูลในโรงแรม และถ่ายคลิปไว้ เป็นภาพสถานที่ในโรงแรม และในห้องน้ำที่มีชาวต่างชาติชายหญิง เข้าไปในห้องน้ำเดียวกันหลายคน ซึ่งตนเองก็ได้มานั่งเฝ้าที่หน้าโรงแรมจนเกือบถึงเช้า จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ความจริงให้ชัดเจน โดยจะนำคลิปเหตุการณ์ภายในโรงแรมไว้เป็นหลักฐาน ให้กับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ต่อไป

"เมื่อคืนวานผมก็มาที่นี่ คนของผมก็เข้ามา ยืนยันไม่ได้รับจ้างมาจากใคร ซึ่งตำรวจเผยว่าตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่ผมเชื่อว่ายังคงต้องมีสารเสพติดตกค้างอยู่ ย้ำว่าไม่ได้มาดิสเครดิต และไม่ได้โกรธอะไรกับนายชูวิทย์ ยังคงนับถือเป็นพี่ที่สนิทกัน และเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผับจินหลิง หากถามว่าเป็นการเอาคืนนายชูวิทย์ ก็จะเรียกคุยเป็นการส่วนตัว" นายสันธนะ กล่าว พร้อมกับเปิดคลิปลับให้สื่อมวลชนดู อ้างว่ามีวัยรุ่นมั่วสุมจริง แต่ขอไม่เผยแพร่คลิปสู่สาธารณชน อนุญาตให้ดูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเป็นหลักฐานที่จะมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
 

สำหรับเหตุการณ์ปะทะคารม เกิดขึ้นภายหลังนายชูวิทย์ ได้อออกมาเปิดโปงแก๊งมาเฟียจีน"กลุ่มทุนสีเทา" เข้ามาเปิดผับศูนย์เหรียญมั่วสุม หลังมีการทลายผับลับ"จินหลิง" และขยายไปจนถึงสถานบันเทิงอีกหลายแห่ง ในพื้นที่ กทม.และเมืองพัทยา ทำให้นายทุนจีนบางส่วนหนีกระเจิงออกนอกประเทศ ขณะที่บางรายก็ถูกจับกุม 

โดยในส่วนของนายสันธนะ ได้ยื่นขอประกันตัว นายเดวิด ชื่อจีนว่า "สุ่ย ไท่ เหว่ย" เจ้าของสถานบันเทิงเบบี้เฟซ ย่านเอกมัย หลังถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับข้อหา"ศุลกากร" โดยอ้างว่ารู้จักมานาน ก่อนตำรวจจะขยายผล เข้าตรวจค้นบ้านพัก พบรถยนต์หรูป้ายแดงจำนวนมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร

เหตุการณ์การ"ปะทะคารม" ของทั้งคู่ ยกแรกคะแนนยังคู่คี่ดู๋ดี๋ ยังมองไม่ออกว่าใครจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพร้ำปราชัย แต่หากมองให้ดี จะพบว่า การปะทะกันในครั้งนี้ น่าจะมีนัยยะแอบแฝง ดังนั้นในภาษานักเลงมวย คงต้องรอลุ้น และฟังเสียงระฆังลั่น เริ่ม"ยกที่สอง"