ข่าว

"ฝุ่น" PM 2.5 เจอไม่นาน ไม่ใช่แค่ทำร้าย ปอด แต่ทำ หัวใจวาย เสี่ยงตาย เฉียบพลัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ฝุ่น" PM 2.5 ฝุ่นจิ๋ว 2.5 ไมครอน หมอดื้อ ยกผลวิจัย เจอไม่นาน ไม่ใช่แค่ทำร้าย ปอด แต่ทำ หัวใจวาย เสี่ยงตาย เฉียบพลัน

ช่วงนี้อากาศบ้านเราเต็มไปด้วย "ฝุ่น" PM 2.5 โดยมีค่ามลภาวะทางอากาศสูงมากติดอันดับต้น ๆ ของโลก ยิ่งในวันที่อากาศไม่ดี มีค่าฝุ่นมลพิษสูง หลายคนคงรู้สึกแสบตา แสบจมูก เจ็บคอ และระบบที่มีผลกระทบมาก คือระบบทางเดินหายใจ เมื่อหายใจเอาฝุ่น PM 2.5 เข้าไป จะรู้สึกแสบจมูก ไม่สบาย ไอ และมีเสมหะได้ ในคนไข้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้,โรคปอด (เช่น หอบหืด, ถุงลมโป่งพอง) ต้องระวังสุขภาพเป็นพิเศษ เนื่องจากฝุ่นนี้จะทำให้โรคกำเริบได้ง่าย ในระยะยาว มีผลทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด และ โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้หัวใจวาย ได้

 

 

 

 

"หมอดื้อ" ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ให้ข้อมูลเรื่องของ ฝุ่น PM 2.5 ที่น่าสนใจว่า เจอฝุ่นจิ๋วพิษ 2.5 และจิ๋วใหญ่ PM 10 กับ ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) เพียงแค่วันถึงสองวัน โอกาสเสี่ยงตายสูงจากเส้นเลือดหัวใจตัน (acute MI)

 

 

หมอดื้อ ได้อ้างถึงรายงานในวารสารของสมาคมโรคหัวใจ (Journal of American College of Cardiology) เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2021 ซึ่งข้อมูลระบุว่า ทุก ๆ ปริมาณของฝุ่นเล็กจิ๋ว และจิ๋วใหญ่ที่เพิ่มขึ้น 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จนกระทั่งถึงระดับ 33.3 และ 57.3 ตามลำดับ จะเสี่ยงตายต่อโรคหัวใจสูงขึ้น และเช่นเดียวกันกับความเข้มข้นของไนโตรเจนไดออกไซด์

 

ค่าฝุ่น PM 2.5

 

ทั้งนี้ เป็นการศึกษาในประเทศจีนในช่วงปี 2013 ถึง 2018 แต่ประเทศจีนมีการปรับตัว เตรียมการจัดการกับฝุ่นจิ๋วเหล่านี้ ตั้งแต่ปี 2011 ถึง 2012 และประสบผลสำเร็จ ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ โดยเริ่มมีการติดตั้งเครื่องวัดทุก ๆ 1 ตารางกิโลเมตร โดยจะมีเครื่องวัดหนึ่งเครื่อง คอยเตือน และคอยจัดการกำจัดมลพิษเหล่านี้ ตามนโยบายเด็ดขาด จนมีความสำเร็จอยู่บ้าง

 

การศึกษานี้เป็นการพิสูจน์ตอกย้ำ ข้อสังเกตก่อนหน้านี้ ที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างฝุ่นจิ๋วพิษ ที่ไม่ได้ทำร้ายปอดอย่างเดียว แต่มีผลต่อหัวใจในลักษณะเฉียบพลันด้วย และไม่ใช่เป็นในลักษณะที่เป็นผลเรื้อรังเท่านั้นแบบที่เข้าใจกัน

ฝุ่น PM 2.5 เกิดจากอะไร

 

ภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นและทำให้เกิดความพินาศต่อสภาพแวดล้อมส่งผลต่อสมดุลของสิ่งมีชีวิต จนกระทั่งมีการยักย้ายถ่ายเทการเคลื่อนตัวของสัตว์ป่า มีการย้ายถิ่น และโดยที่สัตว์ตามธรรมชาติเหล่านี้เป็นตัวซ่องสุมของเชื้อโรค (โดยไม่มีอาการ) ทั้ง พาราสิต แบคทีเรีย และโดยเฉพาะไวรัส เช่น โควิด-19 ทำให้เชื้อโรคจากสัตว์ป่ากระจายไป จนกระทั่งในที่สุดเข้าสู่มนุษย์ และมีวิวัฒนาการในทางการแพร่กระจาย และเข่นฆ่ามนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

ทั้งหมดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ไฟไหม้ป่า พายุทราย ภูเขาไฟระเบิด การจงใจเผาป่าเพื่อประโยชน์ทางเกษตรกรรมอย่างอื่น และมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น จากการต้องการพลังงานจากการเผาถ่านหินฟอสซิล เหล่านี้เป็นตัวการสำคัญในการเกิดฝุ่นจิ๋ว 2.5 ไมครอน

ฝุ่น PM 2.5

และผลกระทบจากการเผาฟอสซิล เพื่อพลังงานอย่างเดียว เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างน้อย 12% ทั่วโลก และถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญอันดับสี่ ในการเสียชีวิตทั้งบุรุษและสตรี และมากกว่าปัจจัยอื่นที่เกี่ยวกับไขมันสูง ระดับน้ำตาล ความอ้วน การไม่ออกกำลัง หรือภาวะไตแปรปรวนด้วยซ้ำ

 

การที่ต้องเผชิญกับมลภาวะเช่นนี้ ทุกนาทีทุกวันต่อเนื่องทั้งชีวิต และมลพิษที่ยังถูกปลดปล่อยออกมา จากเครื่องยนต์ จากรถ จากโรงงาน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำร้ายสุขภาพ และฝุ่นจิ๋วพิษเหล่านี้ทำให้เสียชีวิตจากโรคทางหัวใจและเส้นเลือดมากกว่า 50% ทั้งนี้ เกิดขึ้นได้แม้ว่าระดับฝุ่นพิษเหล่านี้จะต่ำกว่าระดับมาตรฐานที่กำหนดตามขององค์การอนามัยโลก หรือตามมาตรฐานของประเทศต่าง ๆ

 

ประชากรโลกมากกว่า 92% จะอยู่ในพื้นที่ ที่ค่าฝุ่นพิษและมลภาวะทางอากาศ เกินมาตรฐานองค์การอนามัยโลกมาตลอด โดยมีการประเมินว่า ต้องเสียงบประมาณในการรักษาเยียวยาบำบัด สวัสดิการ เป็นล้านล้านดอลลาร์ ที่เกี่ยวเนื่องกับการเสียชีวิตจากมลภาวะทางอากาศเหล่านี้

 

มลภาวะทางอากาศเหล่านี้ ทราบกันดีมานานว่า เกี่ยวข้องกับฝุ่นพิษจิ๋วเล็กและใหญ่ รวมกระทั่งถึง ซัลเฟอร์ออกไซด์ และไนโตรเจนออกไซด์ และมีการศึกษาความเชื่อมโยงกับสาเหตุการตาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและระบบเส้นเลือดในประเทศทางฝั่งตะวันตก แต่ยังมีข้อจำกัดในการระบุระดับ และชนิด และขนาดของฝุ่น และผลกระทบระยะเวลาที่ส่งผลกับการตายเฉียบพลัน

 

การศึกษาที่มีการรายงานครั้งนี้ มาจากพื้นที่มณฑล หูเป่ย์ และมีเมืองหลวงก็คืออู่ฮั่น ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดโควิด-19 นั่นเอง ทั้งนี้ เป็นพื้นที่ที่มีมลภาวะทางอากาศเข้มข้น และทำให้สามารถทำการศึกษาจากคนที่ตายจากโรคหัวใจและเส้นเลือดจำนวน 151,608 ราย ค่าเฉลี่ยรายวันของฝุ่นจิ๋ว 2.5 ไมครอน ในมณฑลนี้ และในหลายพื้นที่ของประเทศจีนและอินเดีย อยู่ที่ 63.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และการที่ได้รับฝุ่นพิษจิ๋วเล็ก 2.5 และจิ๋วใหญ่ขึ้นขนาด 10 ไมครอนภายในหนึ่งวัน หรือในวันนั้นเองจะส่งผลกับการตายอย่างมีนัยยะสำคัญ

ผลกระทบจาก ฝุ่น PM 2.5

 

ผลที่ได้จากการศึกษานี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทุก ๆ ปริมาณที่เพิ่มขึ้น 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรของฝุ่นจิ๋ว 2.5 ไมครอน จะเพิ่มความเสี่ยงของการตาย 4.14% และสำหรับไนโตรเจนไดออกไซด์เพิ่มความเสี่ยงในลักษณะเดียวกันโดยมีอัตราเพิ่มขึ้นอีก 1.3%

 

 

ทั้งนี้ คนสูงวัยอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไป เสียชีวิตมากกว่าคนหนุ่มสาว และคนที่อายุน้อยกว่า 70 ปี แต่การตายที่ไม่สมควรเหล่านี้ พบได้ในทุกกลุ่มอายุ ซึ่งการระบาดของโควิด-19 ปรากฏผลชัดเจน จากการที่แทบไม่มีการใช้รถยนต์ และเครื่องบินโดยสาร และมีผลต่อการที่มลภาวะฝุ่นจิ๋วเหล่านี้หายไปมาก

 

 

ที่มา : ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha

 

 

เพื่อไม่พลาด ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Youtube - https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057

 

logoline