
ชนชั้นกลางคือใครกันแน่
ในประวัติศาสตร์ มนุษยชาติตั้งแต่ยุคของอริสโตเติล ชนชั้นกลางมักจะเป็นกลุ่มที่กล้าลอง กล้าทำ และกล้าท้าทายกับความคิดใหม่ๆ หรือคุณค่าใหม่ๆ เพราะชนชั้นนี้พอมีอันจะกิน จะสามารถคิดหรือทำอะไรได้มากกว่าเพียงที่จะดำเนินชีวิตอยู่ไปวันต่อวัน เป็นพลังขับเคลื่อนของทุน
ในปัจจุบัน มันเป็นเช่นนั้นอีกหรือเปล่า เอาเข้าจริง ชนชั้นกลางคือใคร? มีคำนิยามอะไร? โดยเฉพาะในบริบทไทยมีอะไรเป็นปัจจัยสำคัญวัดความเป็นชนชั้นกลาง สมัยก่อนอาจจะเป็นพวกทรัพย์สินต่างๆ เช่น ที่อยู่อาศัย ทีวี เครื่องซักผ้า ในสมัยนี้อาจจะเป็นรถยนต์สปอร์ต คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก บ้านหลังที่สอง เป็นต้น การเอาฐานะทางด้านการเงินมาเป็นเครื่องวัดความเป็นชนชั้นกลางทำให้เกิดมีปัญหาตามมา พอคนมีฐานะดีขึ้น มักจะมีทัศนคติมุ่งไปทางด้านอนุรักษนิยม คือไม่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นอยู่โดยเฉพาะประเด็นที่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระดับส่วนบุคคล
เมื่อเร็วๆ นี้ นิวส์วีค นิตยสารสหรัฐ ได้หยิบเรื่องนี้มาวิเคราะห์โดยเอาตัวอย่างประเทศที่มีการปกครองแบบกึ่งทรราชแต่มีการพัฒนาเศรษฐกิจก้าวหน้าและรายได้เฉลี่ยประชาชาติที่สูงกว่าประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เป็นต้น บราซิล รัสเซีย จีน เป็นตัวอย่างเพิ่งได้ ในอนาคตคนสิงคโปร์นั้นเป็นคนมีความพอใจกับการปกครองที่มีการรวมศูนย์อยู่ที่รัฐ คือมีรัฐบาลเข้มแข็งและเด็ดขาด
อัมมาตยา เซน นักปราชญ์ชาวอินเดียเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ เคยพูดไว้อย่างน่าฟังว่า ศักยภาพของมนุษย์นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถและความต้องการที่จะทำอะไรสักอย่างและสามารถทำได้ในสถานะและสภาวะต่างๆ เช่น ถ้ามีบ้านอยู่ในตัวเมืองกรุงเทพฯ คนชั้นกลางทั่วๆ ไป สามารถแต่งตัวตามแฟชั่นไปดูหนังดูละครเที่ยวกินตามศูนย์การค้าหรือภัตตาคารหรูหาอาหารกิน พอลูกปิดเทอมเรียนหนังสือสามารถส่งไปเรียนต่อหรือหาประสบการณ์เมืองนอก สามารถถกปัญหาในร้านกาแฟอย่างอิสระ อะไรทำนองนั้น
ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นชนชั้นไหนก็ตามมันขึ้นอยู่กับแต่ละสังคมที่มีลักษณะพิเศษทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมจารีตที่ต่างออกไปชนชั้นกลางไทย จึงไม่น่าอยู่ที่ฐานะการเงินอย่างเดียวต้องขึ้นอยู่กับความคิดความอ่านด้วย มันไม่แน่นอนเสมอไปว่าชนชั้นกลางจะต้องการประชาธิปไตยหรือใฝ่หาเสรีนิยม เพราะสิ่งที่สำคัญคือเสถียรภาพในชีวิตประจำวันต้องมีหรือไม่ก็ต้องเพิ่มขึ้นทุกวันในการประกอบวิชาชีพ ทำมาค้าขายอย่างอิสระ มากกว่าอย่างอื่นในบริบทไทย ชนชั้นกลางถูกนำเข้ามาเกี่ยวข้องกับปัจจัยเศรษฐกิจเพราะชนชั้นกลางมักเป็นรายบุคคลสามารถถีบตัวเองขึ้นมามีธุรกิจขนาดเล็กของตัวเอง มีสตังค์ซึ่งเป็นปรากฏการณ์เดียวกับชนชั้นกลางประเทศอื่นๆ เช่นในประเทศญี่ปุ่นและชิลี เป็นต้น แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าชนชั้นกลางจะเป็นกลุ่มที่สนับสนุนประชาธิปไตยเสมอไป