ข่าว

เจ้าของ "MountainB" ขอโทษทุกคน ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ มันท้อ ไม่อยากอยู่แล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เสี่ยบี เจ้าของ "MountainB" เปิดใจครั้งแรก เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น. ขอโทษทุกคน ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ มันท้อ ไม่อยากอยู่แล้ว ถ้าตายได้แล้วจบวันนั้น มันน่าจะดีกว่านี้


 2 สามีภรรยาเจ้าของ เมาท์เทนบีผับ "MountainB"  เปิดใจครั้งแรกอย่างเป็นทางการต่อหน้าสื่อมวลชน พร้อมยกมือไหว้ขอโทษญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ยืนยันไม่ได้หนีไปไหน / ตั้งแต่เกิดเหตุอยู่กับตำรวจ และเครียดมากอยากฆ่าตัวตาย


นายพงษ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือ เสี่ยบี อายุ 27 ปี และนางอนงค์นาถ ปั้นประสงค์ หรือ เฟิร์น อายุ 31 ปี เจ้าของเมาเทนท์บีผับ "MountainB" เปิดใจครั้งแรกต่อสื่อมวลชน หลังเหตุการไฟไหม้สถานบริการผ่านไป 5 วัน โดยกล่าวขอโทษสื่อมวลชนที่วิ่งหนีขึ้นรถช่วงทำพิธีอุทิศส่วนกุศลเมื่อเช้า เนื่องจากคิดว่าเป็นกลุ่มญาตผู้เสียชีวิตเข้ามาจะทำร้ายตัวเอง 

นายพงษ์ศิริ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน / ได้อยู่ในที่เกิดเหตุกับภรรยา ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและประสานเจ้าหน้าที่เข้าช่วยดับไฟ ก่อนแจ้งกู้ภัยลำเลียงคนเจ็บส่งโรงพยาบาล และหลังจากนั้นตำรวจก็คุมตัวไปสอบปากคำ จึงไม่มีโอกาสออกมาชี้แจง ซึ่งนับตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ภาพในเหตุการณ์ยังติดตาและไม่สามารถทำใจได้ โดยโทรคุยกับภรรยาตั้งแต่เห็นคนเจ็บ คนตาย ว่าอยากฆ่าตัวตายตามผู้เสียชีวิต เพราะไม่รู้จะรับผิดชอบเหตุการณ์นี้ยังไง และ ยังมีความคิดจะไปบวช แต่หากไปบวชก็กลัวจะถูกสังคมกล่าวหา ว่าหนีไปบวชอีก  จึงดำเนินการตามกฏหมายและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทุกคนก่อน 


ส่วนประเด็นสงสัยที่สังคมตั้งข้อสังเกตุว่าตนกับภรรยาอายุน้อย จนอาจไม่ใช่เจ้าของตัวจริง ยืนยันว่า ตนกับภรรยาเป็นเจ้าของกิจการและเจ้าของเงินทั้งหมด ไม่มีหุ้นส่วน หรือนอมินีอื่น

นางอนงค์นาถ หรือ เฟิร์น ภรรยาเสี่ยบี ชี้แจงเรื่องประตูทางเข้าว่าจะเป็นหน้าที่ของการ์ดในร้านดูแลและถือกุญแจ ซึ่งการ์ดในร้านจะมีด้วยกันทั้งหมด 8 คน แบ่งกันดูแลประตูเข้าออก 3 ทาง คือ ด้านหน้าร้าน  ด้านข้าง และด้านหลัง ซึ่งที่ผ่านมาประตูทั้งหมดช่วงเปิดร้านจะไม่มีการล๊อคประตู ซึ่งในวันเกิดเหตุก็ยังไม่รู้ว่าประตูล็อคหรือเปิดอยู่ แต่ประตูทั้งหมดจะล็อคตอนปิดร้านพร้อมกันทุกบาน

ส่วนเรื่องวัสดุอุปกรณ์และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนเปิดร้านพนักงานจะตรวจเช็คอย่างละเอียดอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าก่อนเกิดเหตุ 3 วัน ไฟมูฟวิ่งเฮด หรือ ไฟหมุน (ไฟเทค) น๊อตหลุดและตกลงมาใส่หัวลูกค้าลาดเจ็บ ก่อนพาลูกค้าไปรักษาพยาบาลและเรียกช่างมาซ่อมแซม 

ส่วนเรื่องการขอใบอนุญาตทางร้านแจ้งขอเปิดเป็นร้านอาหารและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเริ่มแรกเปิดเป็นร้านนั่งชิวอยู่ติดถนนสุขุมวิท ก่อนถูกชาวบ้านร้องเรียนเรื่องเสียงดัง จึงไปขอนายทุนเช่าที่ด้านหลังน้านนั่งชิล เพื่อสร้างอาคารหรือผับแบบปิด เนื่องจากต้องการแก้ปัญหาการร้องเรียนเรื่องเสียงดัง ซึ่งยอมรับว่าไม่ได้มีการแจ้งขออนุญาตต่อเติมและดัดแปลงอาคาร


หลังจากนี้ 2 สามีภรรยาเจ้าของเมาเท่นบีผับ ยืนยันจำเป็นจะต้องประกอบธุรกิจร้านอาหารนั่งชิวต่อไป เพราะมีพนักงานในความดูแลกว่า 60 คน จึงขอความเมตตาจากประชาชนเปิดโอกาสให้ได้ทำธุรกิจต่อไป เพื่อหาเงินเลี้ยงธุรกิจ และนำเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ 

อย่างไรก็ตามยังไม่มีการตั้งกองทุนช่วยเหลือชัดเจน เนื่องจากแต่ละรายได้รับผลแตกต่างกัน จึงเตรียมที่จะเข้าเจรจาเป็นกรณีไป ซึ่งได้มีการเตรียมหลักทรัพย์ไว้บางส่วนแล้ว เผื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบให้ดีที่สุด


แม้จะผ่านไป 5 วันแล้ว แต่ก็ยังมีญาติผู้เสียชีวิตเดินทางมาจุดเกิดเหตุ เพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า หลานสาวเป็นผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ ซึ่งพบศพบริเวณหน้าประตู เกือบออกมาจากที่เกิดเหตุได้แล้ว แต่สุดท้ายต้องมาจบชีวิตลง 

เบื้องต้นทางสถานบริการติดต่อและนำเงินมาเยียวยาแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนที่เหลือต้องมาคุยกันเพิ่มเติม แต่ตอนนี้ทุกคนยังเสียใจอยู่ แค่มาที่เกิดเหตุก็รู้สึกสะเทือนใจแล้ว

สำหรับวันพรุ่งนี้ร่างของนายกรวิทย์ เม็งคำมี (นักเรียน ม.5) ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ อายุ 17 ปี ซึ่งญาติทำพิธีทางศาสนาที่วัดสัตหีบจะทำการเผาศพในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ และหลังจากนี้ร่างของผู้เสียชีวิตที่ตั้งประกอบพิธีศาสนาตามวัดในเขตพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีก็จะทยอยฌาปนกิจศพตามลำดับจนครบกำหนดต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ