ข่าว

ขออภัยครับ... แบบว่า "สีตก"(ขาวเนียน)

ขออภัยครับ... แบบว่า "สีตก"(ขาวเนียน)

18 มี.ค. 2553

แมวเหมียวสีไหน ขอให้จับหนูได้ก็พอ ...

 ฮ่าๆ แต่เผอิญหนูสมัยนี้ไม่ใช่หนูง้องแง้ง แมวก็เลยจับไม่ค่อยจะได้ ...

 แถมหนูยังจับไต๋แมวได้อีกต่างหาก

 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า หนูรู้ว่าแมวสีอะไรคือแมว ...

 ในวันนี้ผมขอเรียนให้ทราบเรื่องสำคัญสามเรื่องที่น่าสนใจ ท่ามกลางบรรยากาศการเผชิญหน้าทางการเมืองที่ดำเนินอยู่

 ประการหนึ่ง กรุงเทพฯ ไม่ใช่ประเทศไทย และคนกรุงเทพฯ ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของกรุงเทพฯ

 คนทั้งประเทศก็เป็นเจ้าของกรุงเทพฯ เท่ากับที่คนกรุงเทพฯ ก็เป็นเจ้าของที่อื่นๆ ด้วยนั่นแหละครับ

 เรื่องนี้ต้องเข้าใจให้ชัด เพราะในแต่ละวัน กรุงเทพฯ นั้นก็อยู่ได้ด้วยคนต่างจังหวัดอยู่แล้ว เวลาจะทำข่าวก็ต้องนุ่มนวลกันสักนิด อย่า "ม่วง" ให้มากนักครับ

 ประการที่สอง มายาคติเรื่องของ "พลังเงียบ" ที่เป็นเสียงข้างมากนั้นไม่น่าจะเป็นความจริงสักเท่าไหร่

 ไม่ใช่ว่าพลังเงียบไม่มี แต่พลังเงียบนั้นอาจจะเป็นกองเชียร์ของทางเสื้อแดงก็ได้ ดังนั้นต้องระวังว่าการพูดถึงพลังเงียบว่าเป็นเสียงข้างมากที่คิดตรงกับสื่อ เพราะอาจส่งผลต่อความรู้สึกของพลังเงียบมากขึ้นก็ได้ (เพราะเขามีสื่อของเขา) ดังนั้น การเล่นข่าวเรื่องพลังเงียบอาจสร้างความรู้สึกที่ตรงข้ามกับความมุ่งหมายของสื่อที่ยังเชื่อว่าตนเป็นสื่อของมวลชนนั่นแหละครับ

 ประการที่สาม เราเคยวิตกว่าประเทศไทยนั้นมีกีฬาสี ระหว่างเหลืองกับแดง หรือแดงเจอกับน้ำเงิน

 แต่วันนี้เรากำลังเจอกับกลุ่มสีตก ที่เนียนเข้ามาในการเคลื่อนไหว และชิงพื้นที่สื่อ (เรียกว่า "ขาวเนียน")

 กลุ่มสีตกเนี่ยเป็นกลุ่มที่แตกต่างไปจากกลุ่มสีขาวเดิม ที่เคยถูกกล่าวหาว่าหน่อมแน้ม แต่พวกหน่อมแน้มเหล่านั้นไม่เคยหนุนสีใดสีหนึ่งโดยตรง เขาพยายามอธิบายให้ทุกฝ่ายเข้าใจประเด็นเรื่องของสันติวิธี และการต่อสู้ไม่ให้ความรุนแรงเข้ามาเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหามาตั้งแต่ต้น

 กลุ่มสีตก หรือที่จะเรียกว่า พวก "ขาวเนียน" เดิมนั้นสวมเสื้อสีอื่น เข้ามาในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ในฐานะผู้รู้ (ภาษาที่ง่ายกว่านี้คือ สวมเสื้อคลุม หรือเกาะชายเสื้อคลุมของสีขาว) แล้วมาพร่ำสอนแล้วมาประเมินว่าจะต้องไม่มีความรุนแรง โดยมีสมมติฐานที่ว่าคนที่ชุมนุมนั้นไม่มีความรู้ในการต่อสู้ในทางสันติวิธี และเป็นพวกที่ชอบความรุนแรง หรือถูกชักจูงให้สร้างความรุนแรงได้มากขึ้น

 นอกจากนี้ การเติบโตของกลุ่มสีตก หรือ ขาวเนียนนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยจริตของสื่อเนียนที่ทำข่าวการชุมนุมว่าเป็นข่าวความรุนแรง นั่นคือกลุ่มสีตกเติบโตด้วยดิน (และปุ๋ยเร่ง) ความหวาดกลัว การพูดถึงสันติวิธีของพวกนี้จึงเป็นเสมือนการปิดปากคนอื่น ว่าคนอื่นไม่สันติวิธี สันติวิธีมีแนวทางเดียว คือต้องตามพวกเขา คำถามก็คือจะมีใครตรวจสอบคนเหล่านี้ (ย้ำว่าไม่ได้หมายถึงว่าสีขาวทุกคนขาวเนียน แต่เราจะตรวจสอบสีขาวได้อย่างไร)

 เรื่องแนวฮาร์ดคอร์ แบบแดงเทียมเนี่ยจะป้องกันก็ยากอยู่ แต่มาเจอขาวเนียนเนี่ยยิ่งหนัก ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่จะตรวจสอบขาวเนียนจากขาวแท้ และจากเหลืองแท้และแดงแท้ที่ยึดมั่นในสันติวิธี ก็คือ การไม่พยายามขับเน้นว่าใครใช้ความรุนแรงก่อนนั้นแพ้ เพราะวิธีอธิบายแบบนี้ คือไปควานหา "ระเบิด/อาวุธ" และ "ความตาย/ความสูญเสีย" เพื่อหาทางให้อีกฝ่ายมีความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงโต้ตอบและปิดปาก

 มาลองนึกว่าถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้เพราะถูกจับได้ว่าใช้ความรุนแรง ที่ถูกจับได้โดยขาวเนียน ประเด็นคือมันจะลดความขัดแย้งได้ไหม มันจะกลายเป็นเกมที่สองต่อจากช่องโหว่ทางกฎหมาย คราวนี้จะเป็นเรื่องของการแพ้ฟาวล์ที่คล้ายกับการจับการซื้อเสียงมากเข้าไปอีก

 ทางออกคือ การส่งเสริมความอดทนอดกลั้น เมื่อถูกกระทำด้วยความรุนแรงหรือยั่วยุ ก็จะต้องอดทนอดกลั้นมากขึ้น และเน้นการสื่อสารและเรียกร้องจากการสื่อสารด้วยจิตใจ ให้เห็นว่ามีทุกข์ที่ถ้าเปิดใจก็จะเข้าใจ จะดีขึ้นทั้งสองฝ่าย เพราะชัยชนะในทางสันติวิธีนั้นอยู่ที่ฝ่ายที่ชนะนั้นชนะทางจิตใจ และทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนจุดยืนและการกระทำ ไม่ใช่ชนะด้วยการครอบงำและปิดปากด้วยความหวาดกลัว

 และต้องเข้าใจทั้งสองฝ่ายว่าถ้อยคำยั่วยุนั้นจะต้องลดลง หรือต้องเข้าใจว่าอะไรคือลีลา อะไรคือเนื้อหา เหมือนที่แข่งกีฬาแล้วเรียกว่ากองทัพ หรือสงคราม หรือร้องว่าฆ่ามัน ไม่ได้แปลว่าฆ่ากันจริงๆ ดังนั้นสองฝ่ายต้องกล้ายอมรับว่าอีกฝ่ายหนึ่งเขาทีเล่นหรือทีจริง

 หวังว่าหนูทั้งหลาย จะมองเห็นว่าแมวก็คือแมว แมวขาว กับคนเสื้อขาวนั้นไม่เหมือนกันนะครับ ... เหมียว !!!