องค์กรครู เตือนข้าราชการ อมงบ "อาหารกลางวัน" ระวังโทษร้ายแรง!

จากประเด็นเรื่องผู้ปกครองร้องเรียน อาหารกลางวัน ว่าเด็กรับประทานไม่อิ่ม มีการทุจริตหรือไม่ “คมชัดลึกออนไลน์” ได้สอบถามไปยัง นายไกรทอง กล้าแข็ง ประธานชมรมครูสังกัดกรุงเทพมหานครออนไลน์ ได้รับการแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า

 

“จากข่าวเรื่องอาหารกลางวันที่มีข่าวแพร่อยู่บ่อยครั้งโดยทั่วไป ควรมีการตรวจสอบให้พบเห็นข้อเท็จจริงที่เป็นจริง ซึ่งก่อนอื่น ผมจะไม่ขอพูดถึงหน่วยงานใด โรงเรียนใดและในสังกัดใด โดยหากมีข้อร้องเรียนการทุจริตค่าอาหารกลางวัน ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง"

เมื่อมีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แล้วพบว่ามีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย ก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงต่อไป 

 

และหากคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ได้ทำการสอบสวนและตรวจสอบพบโดยมีพยานหลักฐานต่าง ๆ เชื่อมโยงหรือสนับสนุนเพียงพอว่ามีการทุจริต ก็ต้องพิจารณาบทลงโทษคือ “ไล่ออกจากราชการ” สถานเดียว

“ผ่านมาผมพบเห็นมีการไล่ออก องค์กรนั้น ๆ เขาไม่ประสงค์จะเลี้ยงดูปูเสื่ออีกต่อไป และไม่ประสงค์จะช่วย แม้จะมีการวิ่งเต้นหรือช่วยเหลือกันในเบื้องต้นหรือไม่ก็ตาม”

 

สุดท้ายเมื่อเรื่องถูกส่งมายังองค์คณะหรือคณะกรรมการที่มีอำนาจสูงสุดจะถูกพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน แม้จะมีการตั้งสำนวนการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ต่อมาคณะกรรมการสอบสวนในชั้นสอบสวนมีความเห็นควรยุติเรื่องก็ตาม 

 

หากองค์คณะหรือคณะกรรมการที่มีอำนาจสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นองค์คณะที่ทำการแทนหรือเป็นองค์คณะที่พิจารณาต่อจากองค์คณะที่ทำการแทน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้แทนหลายหน่วยงานมาร่วมในการพิจารณาและมีผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญได้พิจารณาแล้ว พบเห็นความผิดปกติ ก็ต้องมีการสั่งให้สอบสวนใหม่อยู่ดี หรือแม้แต่โทษที่ลงกันคือ “ปลดออก” เมื่อมาสู่องค์คณะที่พิจารณาอย่างเข้มข้น ก็ต้องเปลี่ยนระดับโทษเป็น “ไล่ออก” อยู่ดี

 

ดังนั้น ใครจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ความโลภเข้ามาบดบัง ไม่เบียดบังทรัพย์สินเงินทองของทางราชการ ซึ่งก็มีข้อกฎหมาย ระเบียบ ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน เป็นข้าราชการก็ต้องศึกษา ประกอบกับต้องมีคุณธรรม โดยเฉพาะงบประมาณค่า "อาหารกลางวัน" ที่ลงสู่เด็ก ๆ ที่เป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต จึงขอให้คิดว่าเด็ก ๆ เหล่านั้นคือลูกหลานของเราเอง เกิดจากท้องพ่อท้องแม่เดียวกัน

 

“ผมไม่ได้ชี้หรือกล่าวหาว่าใครทำการทุจริต เพียงแต่แสดงความเห็นเป็นไปตามความจริง ว่าคนดี ๆ ก็ยังคงมีให้พบเห็นอยู่ ส่วนคนที่ไม่ดีก็รับผลกรรมที่ทำไป”

 

ดังนั้น คนดีจะสามารถอำนวยประโยชน์หรือรักษาผลประโยชน์ของชาติไว้ได้ รวมทั้งจะไม่จบชีวิตราชการก่อนเกษียณ แถมยังมีประวัติที่ไม่ดีให้ตนเองได้เป็นที่ระลึกอีกด้วย คนที่คิดไม่ดีจึงควรพึงสังวรว่าทรัพย์ใดไม่ใช่ของเรามันก็ไม่ใช่ของเรา หากเราเบียดบังเอาไปใช้ กรรมย่อมส่งผลทันแน่นอน

 

ติดตามกระแสรายวัน คมชัดลึก ได้ที่

Website - www.komchadluek.net

Twitter - https://twitter.com/Kom_chad_luek