"ทีมข่าวคมชัดลึกออนไลน์" ตรวจสอบข้อมูลจาก "สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง"นักท่องเที่ยวไนจีเรีย เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ต.ค.64 แต่ "โรคฝีดาษลิง"เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อวันที่ 7 พ.ค.65 คำถามคือ "ติดเชื้อมาจากไหน"?
จากกรณีพบ นักท่องเที่ยวชาวไนจีเรีย ผู้ป่วย"โรคฝีดาษลิง"รายแรกของไทย หลบเลี่ยงเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก่อนหายตัวไปอย่างปริศนานั้น ล่าสุด "ทีมข่าวคมชัดลึกออนไลน์" ตรวจสอบข้อมูลจาก "สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง" พบว่า นักท่องเที่ยวคนนี้ เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ต.ค.64 เที่ยวบิน ET618 สายการบินเอธิโอเปีย แอร์ไลน์ โดยถือวีซ่า Non-Ed หรือ "วีซ่านักเรียน" สามารถอยู่ประเทศไทยได้ 90 วัน โดยวีซ่าขาดตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.65 ตรวจสอบพบว่าไม่มีการต่อวีซ่า ทำให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย เกินกว่ากฎหมายกำหนด หรือ Over Stay
น่าสังเกตว่า นักท่องเที่ยวชาวไนจีเรีย เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่เดือน ต.ค.64 แต่กลับตรวจพบว่า มีไข้สูง เจ็บคอ มีผื่นคัน มีตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง เริ่มจากอวัยวะเพศ ลามไปใบหน้า ลำตัว แขน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่วันที่ 19 ก.ค.65 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และทีมสอบสวนควบคุมโรค ยืนยันว่า เป็นผู้ติดเชื้อ"ฝีดาษลิง" สายพันธุ์ West African ซึ่งเป็นสายพันธุ์ไม่รุนแรง
การแพร่ระบาดของ"โรคฝีดาษลิง" เริ่มพบในทวีปแอฟริกา นับตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา จากนั้นก็เกิดการแพร่ระบาดในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีแพรี่ด็อก (Prairie Dog) สัตว์นำเข้าจากประเทศคองโก เป็นพาหะในการแพร่เชื้อเป็นวงกว้าง และโรคได้สงบไปจากการแพร่ระบาดในครั้งนั้น และไม่พบผู้ป่วย"โรคฝีดาษลิง"นอกทวีปแอฟริกาอีก
แต่สิ่งที่ต้องจับตามอง มีการพบผู้ติดเชื้อ"โรคฝีดาษลิง"ขึ้นอีกครั้ง เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2565 เป็นรายแรก และพบผู้ติดเชื้อแพร่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกถึง 72 ประเทศ
คำถามที่ต้องการคำตอบ นักท่องเที่ยวชาวไนจีเรีย ผู้ป่วย"โรคฝีดาษลิง"รายแรกของไทย เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ต.ค.64 และตรวจพบเชื้อ"โรคฝีดาษลิง" เมื่อวันที่ 19 ก.ค.65 สวนทางกลับ การพบผู้ติดเชื้อ"โรคฝีดาษลิง"อีกครั้งในโลก ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 7 พ.ค.65 สรุป "หนุ่มไนจีเรีย" ติดเชื้อ"โรคฝีดาษลิง"มาจากที่ไหน ถ้าไม่ใช่ "ประเทศไทย"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง