ตำรวจไซเบอร์ บุกค้นร้านปืนแบลงค์กัน แอบขายทางออนไลน์ สามารถตรวจยึดของกลางเกือบ 2 พันกระบอก กระสุน 8 หมื่นนัด เจ้าของยืนยันมีใบอนุญาตถูกต้อง แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ นำกำลังเข้าตรวจค้นร้านค้าแห่งหนึ่ง บริเวณ ถ.ราษฎร์พัฒนา แขวงและเขตสะพานสูง หลังสืบทราบว่า ร้านดังกล่าวมีการโพสต์เสนอขายสินค้าประเภทอาวุธปืนอัดลม เครื่องกระสุน และอุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ ผ่านทางออนไลน์
พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการนำเสนอข่าว ประชาชน โดยเฉพาะเด็กเยาวชน แอบซื้อปืนผิดกฎหมาย อย่างเช่น กรณีล่าสุด นักเรียน ปวช.ปี 1 ชวนเพื่อนมามั่วสุมที่บ้าน ก่อนจะชักชวนกันทดลองยิง"ปืนดัดแปลง" ที่สั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ ก่อนปืนลั่นใส่ท้องของเพื่อนเสียชีวิต ทำให้ตนเองต้องสั่งการตรวจสอบการขายปืนในโลกออนไลน์จนสามารถทำการล่อซื้อร้านดังกล่าวได้ในที่สุด
โดยตำรวจได้ทำการสั่งซื้ออาวุธปืนอัดลม และกระสุนปืนอัดลม จากร้านดังกล่าว ผ่านช่องทางแอพพลิเคชั่นไลน์ จากนั้นได้นำอาวุธปืนที่สั่งมาส่งให้ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จังหวัดปทุมธานี ตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ยืนยันว่า อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนดังกล่าว เป็นอาวุธปืน ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 จึงไม่ใช่สิ่งเทียมอาวุธปืน แต่จัดเป็นอาวุธปืน ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนฯ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และเข้าจับกุมผู้โพสต์ขายได้ 1 ราย ในพื้นที่สน.ร่มเกล้า จากนั้นขยายผลเข้าตรวจค้นร้านค้าในพื้นที่สน.บางชัน พบอาวุธปืนแบลงค์กัน (Blank gun)จำนวน 1,871 กระบอก กระสุนปืนแบลงค์กัน จำนวน 82,450 นัด ซองกระสุนปืนแบลงค์กัน จำนวน 31 ซอง เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึด
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวา จากการสอบถามเจ้าของร้านอ้างว่า นำเข้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าว มาจากประเทศตุรกี โดยได้รับใบอนุญาตจากกรมการปกครองและนำมาเก็บไว้เพื่อรอจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง แต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบอนุญาต กลับไม่มีแสดงให้ จึงต้องนำของกลางที่ตรวจยึดได้ ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน เพื่อทำการขยายผลต่อไป พร้อมประสานกองพิสูจน์หลักฐานกลาง รวมถึงต้องตรวจสอบใบอนุญาตการนำเข้าหรือค้า ซึ่งสิ่งเทียมอาวุธปืน ยังนายทะเบียนท้องที่กรมการปกครอง ตลอดจนการนำเข้ามาในประเทศจำนวนมากได้อย่างไร เพราะหากนำเข้าในฐานะร้านค้าที่จดทะเบียนถูกต้องก็สามารถกระทำได้ แต่หากนำเข้ามาในฐานะตัวบุคคล แน่นอนว่าไม่สามารถนำเข้ามาได้จำนวนมากขนาดนี้ ทั้งนี้หากพบมีการนำเข้า หรือจำหน่าย อย่างผิดกฏหมาย ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง