ข่าว

สภาเห็นชอบ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบคนละเบอร์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติเห็นชอบ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ใช้คนละเบอร์ พร้อมลงมติไม่ให้ทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

สภาเห็นชอบ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบคนละเบอร์

ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ต่อวันที่สอง โดยเริ่มต้นเป็นการพิจารณาลงมติมาตรา6/3 ที่ กมธ.เสียงข้างน้อยเสนอเพิ่มขึ้นใหม่ ให้บัตรเลือกตั้ง 2ใบ ทั้ง ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อ ใช้หมายเลขเดียวกัน   เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน จากเดิมที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2ใบ แต่เป็นคนละเบอร์กัน ผลปรากฏว่า สมาชิกรัฐสภาลงมติไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอกมธ.เสียงข้างน้อย ด้วยคะแนน 341ต่อ150 งดออกเสียง5 ไม่ลงคะแนน 3 ส่งผลให้ยังคงใช้วิธีมีบัตรเลือกตั้ง 2ใบ แต่เป็นคนละหมายเลขกันเหมือนเดิม  จากนั้นที่ประชุมพิจารณาเรียงรายมาตรา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สภาเห็นชอบ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบคนละเบอร์
จนถึงมาตรา 12 เรื่องข้อห้ามมิให้ผู้สมัครกระทำการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเองหรือผู้อื่นด้วยการสัญญาจะให้ทรัพย์สิน เงินทอง การสัญญาว่าจะให้ การจัดมหรสพงานรื่นเริงต่างๆตามที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอมานั้น มีสมาชิกรัฐสภาอภิปรายอย่างกว้างขวาง

 

นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า มีความกังวลมาตรฐานการทำงานของ กกต. ขณะนี้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้วจากการจะกลับไปใช้สูตร 500 หารจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นการแย่งชิงอำนาจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอรักษาอำนาจตนเองไว้ก่อน ไม่สนใจสังคม อยากมีอำนาจทั้งที่เศรษฐกิจแย่ ประชาชนยากจนทุกหย่อมหญ้า แต่ท่านอยากไปต่อ ฝ่ายค้านน่าเป็นห่วงที่สุดนอกจากโดนความพิสดารของรัฐธรรมนูญแล้ว การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่รู้จะโดนอะไรอีก ทราบว่าขณะนี้การแบ่งเขตเลือกตั้งเริ่มฮั้วให้บางพรรคแล้ว จังหวัดใดได้ผู้แทนเพิ่มเริ่มมีปัญหา เชื่อว่ากระบวนการแจกกล้วยจะกระจายไปยังเขตเลือกตั้งเป็นคันรถ กกต.รู้ แต่ไม่ปฏิบัติเพราะต้องหาหลักฐาน บางบ้านสะสมเสบียงเป็นพันล้านบาทเตรียมเลือกตั้ง วันนี้เรารบกับ 3ป. ไม่ใช่ปลากัด ปลาดุก ปลาช่อน

ขณะเดียวกันมีสมาชิกรัฐสภาคนอื่นๆอาทิ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายท้วงติงขอให้จัดงานมหรสพในการหาเสียงได้ ไม่ได้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองหรือผู้สมัคร เพราะมีการกำหนดวงเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัครและพรรคการเมืองไว้อยู่แล้ว 

จากนั้นมีการลงมติ เห็นชอบตาม กมธ. ห้ามมิให้ผู้สมัครกระทำการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเองหรือผู้อื่นด้วยการสัญญาจะให้ทรัพย์สิน เงินทอง การสัญญาว่าจะให้ การจัดมหรสพงานรื่นเริงต่างๆ ด้วยคะแนน 401ต่อ 78 งดออกเสียง 6 ไม่ลงคะแนน 3 เสียง

ส่วน นายสมคิด เชื้อคง นายองอาจ วงษ์ประยูร และนายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส. พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า  มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี สั่งการให้พรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว. ส่วนมากหรือบางส่วน ใช้เสียงส่วนมากสนับสนุนการคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ตามมาตรา 23 ว่าจะใช้สูตรหารด้วย 500 ซึ่งหากเป็นความจริงก็จะขัดแย้งกับร่างของคณะรัฐมนตรีที่เสนอให้ใช้สูตรหารด้วย 100  รวมทั้งร่างของพรรครัฐบาล ร่างของพรรคเพื่อไทย และร่างของพรรคก้าวไกล ที่เสนอให้ใช้สูตรหารด้วย 100 เช่นกัน 

โดยหากข่าวนั้นเป็นความจริงจะเท่ากับว่าหลักการในการออกกฎหมายของรัฐสภาไม่มีความหมายและยังขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วย เนื่องจากมีการแก้ไขกำหนดบัตรเลือกตั้งให้เป็น 2 ใบแล้วและรัฐธรรมนูญมาตรา 91 กำหนด  ไว้ชัดเจนว่า การคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของ บัญชีพรรคการเมืองนั้นต้องเป็นสัดส่วนสัมพันธ์กันโดยตรง 


ดังนั้น มาตรา 91 คือตัวต้นของการใช้สูตรหารด้วย 100 พรรคเพื่อไทยจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการใช้สูตรหารด้วย 500  ทั้งนี้ ขอฝากไปยังสมาชิกรัฐสภาที่จะลงมติว่า ท่านเป็นผู้แทนของประชาชนจะต้องยึดมั่นในหลักการ 


อย่างไรก็ตาม ผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 132 รวมทั้งส่งศาลฎีกา หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง คือ กกต. เพื่อให้ความเห็นชอบด้วย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ