ข่าว

"พรรคกล้า" ผิดหวัง รัฐบาลยังไร้มาตรการแก้วิกฤต"น้ำมันแพง"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"กรณ์" หัวหน้าพรรคกล้า เผย ผิดหวังกับที่ประชุม สมช. ยังไม่มีมาตรการชัดเจนแก้ปัญหา "น้ำมันแพง" เอ่ยปากชมรมว.คลังของอินเดีย เก็บภาษีโรงกลั่น นำเงินเข้ารัฐ ช่วยประชาชน อยากเห็นไทยทำบ้าง

เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 65 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ไลฟ์สดผ่านเฟซบุคส่วนตัว หลังทราบผลประชุม สมช. มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในช่วงเย็นของวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยระบุว่า รู้สึกอึดอัดผิดหวังกับผลการประชุมในวันนี้มาก เนื่องจากไม่มีมาตรการอะไรที่ชัดเจน นอกจากการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทับซ้อน ครม.เศรษฐกิจ อีก 2 ชุด โดยมีนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานอย่างละชุด แทนที่จะให้ ครม.เศรษฐกิจทำหน้าที่เองให้เต็มที่

 
นายกรณ์ กล่าวว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคกล้าได้เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาแก้ไขปัญหาราคาน้ำ พร้อมเสนอทางออกให้มากมาย นำไปสู่การประกาศโรงกลั่นบริจาคเงินเข้ากองทุนน้ำมันเดือนละ 8,000 ล้านบาท เป็นเวลา 3 เดือน เท่ากับ 24,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้เรื่องยังเงียบ นายกรัฐมนตรีเคยเรียกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เข้าพบปัญหาก็ควรจะจบนับตั้งแต่วันนั้น เพราะข้อมูลของทั้งสองท่านต้องมีครบถ้วน และมีอำนาจเต็มในการดำเนินการ ขนาดพวกตนไม่ได้เป็นรัฐบาล ยังสามารถติดตามข้อมูลจากทางราชการ เพื่อประเมินสถานการณ์ นำไปสู่แนวทางในการแก้ปัญหาได้ 

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า วันนี้ที่รัฐบาลทำได้ทันทีคือการเก็บภาษีลาภลอย โดย รมว.คลัง มีอำนาจเต็มในการดำเนินการ  ซึ่งทั้งโลกเขาพูดกันเรื่องนี้ หลายประเทศเขาก็ทำกัน ทั้ง อังกฤษ อเมริกา และล่าสุดอินเดีย มีโครงสร้างเหมือนประเทศไทย ทั้งนำเข้าน้ำมันดิบสูง มีอุตสาหกรรมโรงกลั่นที่สามารถกลั่นได้สูงเกินความจำเป็นในประเทศ และส่งออกได้มากเหมือนประเทศไทย อินเดียเชื่อในหลักเกณฑ์การค้าเสรี ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของกฎเกณฑ์กติกา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ซึ่งถ้าในสถานการณ์ปกติรัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซง เพราะเน้นในเรื่องความโปร่งใส และเป็นธรรม แต่สถานการณ์ปัจจุบัน มันไม่ปกติ เพราะฉะนั้นเพื่อสังคมและความอยู่รอดของประชาชน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอินเดีย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บภาษีลาภลอยจากโรงกลั่นที่ฟันกำไรมหาศาล เพื่อนำเงินภาษีเข้ารัฐ กลับคืนมาสู่ประชาชน  ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่เป็นคำพูดจากปากของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดีย แต่อยากได้ยินจากปากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศไทยมากกว่า เพราะสถานการณ์เหมือนกัน ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเหมือนกัน ภาระรัฐบาลเหมือนกัน

 

สิ่งที่จะเพิ่มให้อีกข้อคือ  กำไรจากภาคเอกชนที่สูงกว่าปกติ และโรงกลั่นที่มีกำลังการกลั่นส่วนใหญ่มีรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลผู้ถือหุ้น แต่เงื่อนไขที่เขายอมให้เข้าตลาดหุ้นแต่แรกคือ คุณต้องไม่ลืมหน้าที่ต่อสังคมด้วย คุณสวมหมวกสองใบ วันนี้สังคมเดือดร้อน จะมาอ้างสิทธิของผู้ถือหุ้นเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้

 

ติดตามข่าวสาร คมชัดลึก อื่นๆ ได้ที่
Facebook - https://www.facebook.com/komchadluek
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057

"การตั้งกรรมการมีคนนั่งล้อมวงตามวัฒนธรรมการทำงานราชการไทย ไม่มีใครกล้าพูดหรือเสนออะไร ท่านนายกฯ นั่งหัวโต๊ะว่าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น ซึ่งมันไม่ได้นำไปสู่การมีข้อสรุปหรือนโยบายใด ๆ ที่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับประชาชนได้ ขอย้ำว่า ประชาชนเดือดร้อน น้ำมันแพง ของแพง มันเป็นภาระกับประชาชนโดยตรง  มันไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ได้ด้วยการตั้งคณะกรรมการชุดแล้วชุดเล่า จริง ๆ การแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องยาก มันมีมาตรการและทางออกที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่มีคนในวงการทำให้ดูสลับซับซ้อนเพื่อที่สุดท้ายจะทำให้ไม่มีคำตอบ" นายกรณ์ กล่าว
 

คมชัดลึก ยังมีเนื้อหาสาระอื่นๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่
Website - www.komchadluek.net
Twitter - https://twitter.com/Kom_chad_luek
Instagram - https://www.instagram.com/komchadluek_online/
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ