
ศาลชี้แม่วีแกน ผิดจริงฐานฆาตกรรม เลี้ยงลูกด้วยผัก-ผลไม้จนขาดสารอาหารตาย
ตัดสินแล้ว คดีแม่วีแกนเลี้ยงลูกขวบครึ่ง ด้วยผักและผลไม้ จนขาดโภชนาการเสียชีวิต คณะลูกขุนชี้มีความผิดจริง จ่อคุกตลอดชีวิต
คณะลูกขุนที่เมืองเคป คอรัล รัฐฟลอริดา มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังใช้เวลาพิจารณาคดี 1 สัปดาห์ ให้นาง เชลา โอเลียรี วัย 39 ปี มีความผิด 6 ข้อหา รวมข้อหาฆาตกรรมลูกชายวัย 18 เดือน จากการเลี้ยงลูกน้อยด้วยผลไม้ ผักและนมแม่ จนเด็กมีน้ำหนักเพียง 7.7 กก. พอๆกับเด็กวัย 7 เดือน ขณะเสียชีวิตเมื่อ 3 ปีก่อน ศาลนัดฟังคำพิพากษาลงโทษในวันที่ 25 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งจากความผิดของเธอ มีโทษถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต
เด็กชายเอร์ซา เสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนหลายอย่าง ซึ่งเป็นผลจากภาวะขาดโภชนาการ เนื่องจากพ่อแม่ยึดวิถีวีแกนอย่างเคร่งครัด กินเฉพาะผักและผลไม้สดเท่านั้น แต่เลี้ยงลูกคนสุดท้องด้วยนมแม่ด้วย กระนั้น หมอพบว่าเด็กน้อยแทบไม่ได้รับอาหารเลยเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก่อนสิ้นลมหายใจในเดือนกันยายน 2562 เชลา กับสามีซึ่งถูกแจ้งข้อหาฆาตกรรมเช่นกันแต่ยังอยู่ระหว่างพิจารณาคดี โทรแจ้งเหตุ 911 หลังลูกชายหยุดหายใจ เมื่อหน่วยแพทย์ไปถึง พบเด็กเสียชีวิตแล้วที่บ้าน สามีภรรยาถูกแจ้งข้อหาในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน หลังแพทย์ยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตของลูกคนเล็ก ว่าขาดโภชนาการและขาดน้ำ
อัยการกล่าวหาเชลาว่าไม่ยอมพาเอร์ซาไปหาหมอทั้งที่รู้ว่าป่วย “เธอเลือกไม่ยี่หระเสียงร้องของลูก เธอไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องชั่งเพื่อที่จะมองเห็นกระดูก เธอไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องชั่งเพื่อได้ยินเสียงร้องของลูก” ถ้อยแถลงของอัยการขณะปิดการพิจารณาคดี
ทั้งสองยังมีลูกอีก 3 คน โดยลูกวัย 3 ขวบ กับ 5 ขวบ มีภาวะขาดโภชนาการรุนแรงทั้งคู่ ผิวหนังเป็นสีเหลือง คนหนึ่งสุขภาพฟันแย่มาก ส่วนลูกสาวคนโตวัย 11 ขวบที่เกิดจากสามีคนแรก สุขภาพดีกว่าน้องสองคน ซึ่งตำรวจเชื่อว่าเป็นเพราะเด็กหญิงมีโอกาสไปหาพ่อเป็นประจำสม่ำเสมอ จึงได้รับประทานอาหารที่เหมาะสมกว่า โดยรวม อาหารส่วนใหญ่ที่เด็กทั้งสามคนได้กิน ประกอบด้วยมะม่วง อะโวคาโดและเงาะ ไม่ชัดเจนว่า เด็กทั้งสามได้ไปหาหมอบ้างหรือไม่ กรณีของเด็กชายเอร์ซา ทำคลอดที่บ้าน ไม่เคยไปหาหมอเลย
ตำรวจกล่าวว่า ในวันเสียชีวิต พ่อแม่รู้ว่าเด็กชายอาการไม่สู้ดี หายใจไม่สะดวก แต่แทนที่จะขอความช่วยเหลือ กลับเลือกไปนอน เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เด็กชายหยุดหายใจแล้ว